อาจกล่าวได้ว่าเป็นภาพที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักกับการจับมือกันระหว่างแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียระดับโลกอย่าง Meta กับ Shopee ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำแคตตาล็อกของ Shopee มาแสดงผลบน Facebook Messenger ให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง และกดซื้อได้โดยตรงเป็นครั้งแรก
สำหรับความร่วมมือดังกล่าว คุณแพร ดำรงค์มงคลกุล Country Director ของ Facebook ประเทศไทย จาก Meta กล่าวว่า เริ่มมีการทดสอบเมื่อไม่นานมานี้ และปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วอย่างเป็นทางการ โดยวัตถุประสงค์ของการทำงานร่วมกันครั้งนี้มีขึ้นจากพฤติกรรมของคนไทยที่นิยมส่งข้อความเชิงธุรกิจในการติดต่อกับทางแบรนด์ – ร้านค้าสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก การพัฒนาฟีเจอร์นี้บน Facebook Messenger จึงมีขึ้นเพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินค้าของแบรนด์ให้หลากหลายมากขึ้น อีกทั้งยังตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการแชทกับเจ้าของแบรนด์ในระหว่างช้อปด้วย โดยหากมีการซื้อขายเกิดขึ้น ยอดซื้อจะยังเป็นของแพลตฟอร์ม Shopee เช่นเดิม
ด้านคุณธัญญธร เหล่าวัชระ หัวหน้าฝ่ายจัดการร้านค้าธุรกิจ ช้อปปี้ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เราสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีมากขึ้นในการช้อปปิ้งบน Messenger ที่ Shopee ร่วมมือกับ Meta โดยตอนนี้ ธุรกิจต่าง ๆ สามารถใช้ Facebook และ Messenger เพื่อกระตุ้นการค้นหา และการมีส่วนร่วมกับผู้ซื้อได้ ยกตัวอย่างเช่น ร้าน Beebox ที่เข้าร่วมการทดสอบการใช้งานฟีเจอร์ พบว่าผลตอบแทนจากค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น 87% และเราก็เห็นผลลัพธ์ในทางที่ดีคล้ายคลึงกันจากร้านค้าอื่น ๆ”
การส่งข้อความเชิงธุรกิจ “โตสูง” ในไทย
นอกจากความร่วมมือกันกับ Shopee แล้ว อีกหนึ่งอินไซต์ที่ทาง Meta ประเทศไทยเปิดเผยก็คือ การส่งข้อความเชิงธุรกิจ (Business Messaging) ของคนไทย โดยประเทศไทยถือเป็นผู้นำเทรนด์ด้านการส่งข้อความเชิงธุรกิจอันดับต้น ๆ ของโลก จากข้อมูลที่เปิดเผยในงาน Business Messaging Summit ของ Meta พบว่า ผู้บริโภคชาวไทยจำนวน 9 ใน 10 คน ติดต่อกับธุรกิจผ่านแอปพลิเคชันแชทต่าง ๆ ในระหว่างขั้นตอนการซื้อสินค้า ในขณะเดียวกัน ครึ่งหนึ่งของนักช้อปชาวไทยยังได้ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อการค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสินค้าด้วย
คนไทย 56% ติดต่อธุรกิจผ่าน Messenger ทุกสัปดาห์
นอกจากนี้ จากข้อมูลล่าสุดของ Meta พบว่า 56% ของผู้บริโภคในประเทศไทยติดต่อธุรกิจผ่าน Messenger เป็นประจำทุกสัปดาห์ ในขณะเดียวกัน ยังมีการรายงานว่า 69% รู้สึกสบายใจกับการสื่อสารกับธุรกิจผ่านแชทบอท AI เช่นกัน
หรือในกลุ่มคนรุ่นใหม่ Meta เผยว่า 50% ของ Gen Z ในประเทศไทยมีการใช้งานแพลตฟอร์มภายในเครือของ Meta เพื่อติดต่อกับร้านค้าในขั้นตอนต่าง ๆ ของเส้นทางการซื้อสินค้า นอกจากนี้ Instagram ยังเป็นแพลตฟอร์มที่มีนัยสำคัญต่อ Gen Z โดย 45% ของ Gen Z ชาวไทยมีการแชร์ความสนใจส่วนตัวและติดต่อกับธุรกิจต่าง ๆ ผ่านทาง Instagram Direct
พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ต่อไปนี้ Live ขายของ “บูสต์ไลฟ์” ได้
นอกจากนี้ Meta ยังได้ร่วมทดสอบเครื่องมือ Live Shopping กับ V Rich App ผู้ให้บริการโซลูชันอีคอมเมิร์ซสัญชาติไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นพบสินค้าและปิดการขายผ่านไลฟ์สตรีม โดยฟีเจอร์ดังกล่าวจะเริ่มให้บริการแก่ธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศไทย ผ่านความร่วมมือกับ V Rich App, ZWIZ.AI, Kaojao และบริษัทพันธมิตรธุรกิจอื่น ๆ ของ Meta ต่อไป
สำหรับค่าใช้จ่ายในการบูสต์ไลฟ์นั้น คุณวิจิตรา อยู่เชียร ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์ V Rich App และพันธมิตรด้านโซลูชันของ Meta เปิดเผยว่ามีตั้งแต่ 500 บาทถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและตัวแปรต่าง ๆ เช่น เวลาในการบูสต์ กลุ่มเป้าหมาย ฯลฯ โดยในการทำงาน จะมีระบบคอยตรวจสอบความถูกต้องของร้านค้าที่ต้องการบูสต์ไลฟ์ และหากพบว่ามีการละเมิดนโยบายชุมชนของ Facebook การไลฟ์นั้น ๆ ก็จะถูกปิด – ลดการมองเห็นลงทันที
ทั้งนี้ ผู้บริหาร Meta กล่าวปิดท้ายด้วยว่า ปัจจุบัน Meta ได้พัฒนา ‘AI Agent’ จากโมเดลภาษาขนาดใหญ่ของทางค่าย Llama 3 และอยู่ระหว่างการทดสอบความสามารถของ AI เพื่อนำมาใช้ในการแชทกับลูกค้า เรียกดูแคทตาล็อก ฯลฯ รวมถึงให้บริการสำหรับการส่งข้อความเชิงธุรกิจเพื่อให้พร้อมใช้งานสำหรับธุรกิจในประเทศไทยด้วย