HomeAutomobileNissan เริ่มทดสอบรถอัจฉริยะในโยโกฮามา รับมือสังคมสูงอายุ-ขาดแคลนแรงงาน

Nissan เริ่มทดสอบรถอัจฉริยะในโยโกฮามา รับมือสังคมสูงอายุ-ขาดแคลนแรงงาน

แชร์ :

ค่ายรถยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง นิสสัน (Nissan) จับมือหน่วยงานท้องถิ่น และผู้ให้บริการขนส่ง เริ่มทดสอบระบบการขับขี่อัตโนมัติในโยโกฮามาแล้ว คาดพร้อมเปิดให้บริการในปี 2027

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

สำหรับรถที่นำมาใช้ในการทดสอบคือ Nissan Leaf โดยมีการติดตั้งกล้อง 14 ตัว เซนเซอร์ Lidar 6 ตัว และเทคโนโลยีการขับเคลื่อนอัตโนมัติที่บริษัทพัฒนาขึ้นเอง ส่วนเป้าหมายในการทดสอบคือการขับในเขตเมืองที่มีความซับซ้อนสูง เพื่อทดสอบสมรรถภาพของระบบตรวจจับเหตุการณ์รอบข้างว่าแม่นยำเพียงใด โดย Nissan พบว่า ระบบมีการพัฒนาขึ้น เช่น สามารถคาดการณ์พฤติกรรมของคนเดินถนนได้ สามารถควบคุมการเปลี่ยนเลนได้ (ในกรณีที่เส้นจราจรมีการบรรจบเข้าด้วยกัน) รวมถึงตัดสินใจได้ว่าจะขับผ่านแยกนี้ทันเวลาหรือไม่ด้วย

Nissan ยังเผยด้วยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาโมเดลธุรกิจสำหรับให้บริการรถอัจฉริยะไร้คนขับที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2027 ซึ่งเหตุผลของการเปิดตัวในปี 2027 มาจากปัญหาขาดแคลนแรงงานของญี่ปุ่นที่เริ่มรุนแรงมากขึ้น โดยในตอนนี้ระบบของทางบริษัทอยู่ใน Level 2 (เป็นระดับที่รถสามารถควบคุมความเร็วและการบังคับเลี้ยวอัตโนมัติได้ สามารถรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้าได้โดยอัตโนมัติ สามารถเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงการชนกับรถหรือสิ่งกีดขวางข้างหน้า สามารถเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ และมีระบบช่วยในการจอดรถอัตโนมัติ อย่างไรก็ดี ใน Level 2 ยังคงต้องการให้ผู้ขับขี่มีสมาธิและพร้อมที่จะควบคุมรถได้ตลอดเวลาในกรณีที่ระบบทำงานผิดพลาดหรือเจอสถานการณ์ที่ไม่สามารถจัดการได้เอง)

ส่วนหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือทดสอบระบบกับ Nissan ครั้งนี้พบว่ามีมากมาย เช่น กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม กระทรวงที่ดิน ตลอดจนหน่วยงานท้องถิ่นด้านการขนส่ง และการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น

ทั้งนี้ การทดสอบระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติถือว่ามีความสำคัญ เพราะช่วยให้ผู้พัฒนามองเห็นและแก้ไขปัญหาที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ เช่น การจราจรที่หนาแน่น หรือถนนที่ไม่สมบูรณ์ นอกจากนั้นยังทำให้เห็นว่า รถมีการตอบสนองต่อเหตุการณ์ไม่คาดคิดอย่างไร (การตัดหน้าอย่างกระทันหันของรถคันอื่น หรือการปรากฏตัวของสิ่งกีดขวางบนถนน) ซึ่งการทดสอบอย่างเคร่งครัดคือเครื่องมือที่ชี้ว่าระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติมีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ และส่งเสริมให้มีการยอมรับและใช้งานระบบนี้มากขึ้นในอนาคต

Source


แชร์ :

You may also like