Bank of America เปิดผลการสำรวจเหล่า Gen Z พบ 46% ยังคงพึ่งพาเงินจากพ่อแม่ และ 52% ยอมรับว่า ไม่มีเงินมากพอสำหรับการใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาอยากเป็น โดย Gen Z ให้เหตุผลว่า ค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับในแต่ละวันคืออุปสรรค์ในการประสบความสำเร็จทางการเงิน
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้ Gen Z ออกมายอมรับว่ายากจะประสบความสำเร็จทางการเงินได้มาจาก 3 ปัจจัยหลัก นั่นคือ ราคาสินค้า อาหาร ตลอดจนที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่รายได้ของพวกเขาเมื่อเทียบกับค่าครองชีพแล้วไม่ดีเท่ากับยุคพ่อแม่ที่เคยหาได้ในช่วงวัย 20 – 30 ปี และ Gen Z ยุคนี้ยังมีหนี้จากการกู้ยืมเพื่อการศึกษาเป็นตัวฉุดรั้งด้วย
สิ่งที่ Bank of America พบต่อมาก็คือเรื่องของหนี้ เมื่อ Gen Z ราว 15% มีการใช้บัตรเครดิตจนเต็มวงเงิน ซึ่งถือว่าสูงกว่าเจเนอเรชันอื่น ๆ และมีความเสี่ยงที่จะชำระหนี้ล่าช้าด้วย
ประการสุดท้ายคือเรื่องของที่อยู่อาศัยที่ปรับราคาสูงขึ้น ซึ่งในสหรัฐอเมริกา การครอบครองบ้านเป็นหนึ่งในเครื่องมือเพิ่มความมั่งคั่ง แต่เมื่อราคาบ้านปรับตัวสูงขึ้นจนคนรุ่นใหม่ไม่สามารถซื้อหาได้ ก็ทำให้ความมั่งคั่งส่วนนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นกับ Gen Z ได้นั่นเอง โดยสิ่งที่ผลสำรวจสะท้อนออกมาก็คือ Gen Z มีรายจ่ายเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยมากกว่า 30% ของรายรับในแต่ละเดือน และบางรายอาจมากถึง 50% ของรายรับเลยทีเดียว ขณะที่ตัวเลขแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการเงินคือ รายจ่ายเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยไม่ควรเกิน 30% ของรายได้
ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวยังสอดคล้องกับผลสำรวจของประเทศไทย เมื่อ SCB EIC พบว่าคนรุ่นใหม่ของไทยเองก็ไม่มีแผนซื้อที่อยู่อาศัยด้วยเช่นกัน โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้มีรายได้ระดับปานกลางลงมา โดยเหตุผลหลักมาจาก
- ตนเองหรือคนในครอบครัว เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว
- รายได้หรือภาระค่าใช้จ่ายไม่เอื้ออำนวย
- ค่าครองชีพที่อยู่ยังอยู่ในระดับสูง
- อัตราดอกเบี้ยแพง
- ภาวะหนี้ครัวเรือน
- ข้อจำกัดการเข้าถึงสินเชื่อ
- ราคาที่อยู่อาศัยสูงเกินไป
ทั้งนี้ สำหรับกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่มีรายได้ระดับปานกลาง-ล่าง และมองว่าไม่สามารถซื้อหาอสังหาริมทรัพย์เป็นของตัวเองได้นั้น ก็เลือกที่จะปรับตัว และอยู่อาศัยกับครอบครัวแทนเช่นกัน
คนอเมริกันจะรู้สึก “รวย” ต้องมีรายได้ 5.2 แสนเหรียญต่อปี
ตัดกลับมาที่สหรัฐอเมริกา ไม่เฉพาะ Gen Z แต่รายงานของ Bank of America ยังระบุว่า คนทำงานในสหรัฐอเมริกาที่รู้สึกว่าตนเองมีความมั่นคงทางการเงินลดลงเหลือเพียง 25% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด (จากเดิมเคยมีถึง 28% ในปี 2023) โดยพวกเขามองว่า ตนเองควรมีรายได้ประมาณ 186,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อปี จึงจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย แต่ถ้าจะให้รู้สึกว่าตนเอง “รวย” นั้น พวกเขาต้องมีเงินได้ราว 520,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อปีเลยทีเดียว
จะเห็นได้ว่า เมื่อพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จทางการเงินของ Gen Z ทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย เห็นได้ชัดว่าการบรรลุเป้าหมายทางการเงินยังคงเป็นความท้าทายอย่างมาก เพราะเหล่า Gen Z ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นไม่สอดคล้องกับรายรับ การมีหนี้สินจำนวนมาก ตลอดจนปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ไม่สดใสอย่างที่ควรจะเป็น การพึ่งพาผู้ปกครองและการเลือกอยู่ร่วมกับครอบครัวจึงเป็นกลยุทธ์ที่หลายคนเลือกใช้เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในเวลานี้