แน่นอนว่า เป้าหมายของคนทำธุรกิจ นอกจากเรื่อง “ยอดขาย” แล้ว ยังต้องการสร้าง “แบรนด์” ให้เป็นที่จดจำ เพราะเวลาอยู่บนเชลฟ์ผู้บริโภคจะได้เห็น หรือหากคิดจะซื้อผลิตภัณฑ์ ก็จะนึกถึงแบรนด์เป็นอันดับต้นๆ แต่การสร้างแบรนด์เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ถ้าไม่ใช่แบรนด์ใหญ่ ก็ไม่ง่ายเลย เพราะต้องใช้ทั้งเวลาและเงินทุน ไม่เช่นนั้นสินค้าก็ต้องเจ๋งและแตกต่างจากแบรนด์ที่มีในตลาด ถึงจะโดนใจผู้บริโภค
แต่ในยุคดิจิทัลที่มีเครื่องมือให้เล่นมากมาย ทำให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจและสร้างแบรนด์ได้ไม่ยากเหมือนก่อนแล้ว จนทำให้แบรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นเต็มตลาด และหลายแบรนด์สามารถเติบโตจนเป็น First Mover ของตลาดนั้นๆ ตามมาฟัง 5 เทคนิคการสร้างแบรนด์ ในงาน BRAND SPHERE : Rising Phoenix 2024 จาก 6 กูรูนักสร้างแบรนด์อย่าง คุณต่อ-ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี เจ้าของ Penguin Eat Shabu, คุณอิ๊ง-ชยธร กิติยาดิศัย เจ้าของแบรนด์สกินแคร์ INGU, คุณเหว่ง-ภูศณัฏฐ์ การุณวงศ์ และคุณเติ๊ด-ภูถิรพัฒน์ อ่องศรี ผู้ก่อตั้งยูทูปชาแนลเทพลีลา, คุณ CK Cheong ซีอีโอ Fastwork และคุณรษิกา พาณีวงศ์ เจ้าของช่องยูทูป Softpomz เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่นำไปสร้างแบรนด์ในยุคไหนๆให้มีตัวตนได้แบบง่ายๆ
1.จุดยืนต้องชัด
ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปแค่ไหน พฤติกรรมผู้บริโภคจะซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเพียงใด แต่ จุดยืนแบรนด์ต้องชัดและไม่เปลี่ยน เพราะเป็นตัวบอกว่าทำไมผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าของแบรนด์ แต่คุณต่อ บอกว่า พอพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยน หลายแบรนด์มักจะเปลี่ยนจุดยืนตามไปด้วย ซึ่งบางครั้งลูกค้าไม่ได้ซื้อสินค้าและเข้ามาใช้บริการเพราะชอบผลิตภัณฑ์อย่างเดียว แต่ชื่นชมในจุดยืนแบรนด์ด้วย
จะเห็นได้ว่าหลายแบรนด์ที่เติบโตมาเป็น 50 ปี 100 ปี แม้จะเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ เพื่อให้แบรนด์ไม่แก่ไปตามวัย แต่ไม่เคยเปลี่ยนจุดยืน เช่น Burger King มีการปรับโฉมแบรนด์ให้มีความทันสมัยขึ้น แต่ยังคงรักษาจุดยืนความเป็นเบอร์เกอร์พรีเมียมและผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อ ซึ่งเป็นจุดขายที่แตกต่างจากคู่แข่ง หรือ Penguin Eat Shabu ที่ปลายปีนี้จะทำการรีแบรนด์ เพราะลูกค้าที่กินเพนกวินชาบูมาตั้งแต่วันแรก ถึงวันนี้ก็เติบโตขึ้น โดยยังคงจุดยืนเดิมการเป็นร้านชาบูที่มอบความสนุกสนานให้กับผู้บริโภค
2.สร้างตัวตนให้แบรนด์
ตลาดแมสวันนี้แข่งขันกันรุนแรงมาก ถ้าไม่ใช่บริษัทใหญ่พอ รอดยาก จึงส่งผลให้แบรนด์ไม่สามารถพูดกับคนทุกคนได้ เพราะเมื่อไหร่ที่อยากเป็นทุกอย่างให้กับทุกคน คุณต่อ บอกว่า บางทีแบรนด์อาจจะไม่เป็นอะไรให้ใครเลย ดังนั้น แบรนด์ต้องเลือกพูดกับคนบางกลุ่ม โดยหา “ตัวตน” ที่เป็น “Niche” ให้เจอ พร้อมกับสร้างบุคลิกให้แบรนด์เป็นที่จดจำ และสื่อสารกับลูกค้าในภาษาเดียวกับเขาให้ได้
3.Story Telling แบรนด์ต้องดี
การเล่าเรื่องราวจะช่วยสร้างแบรนด์ให้แตกต่างจากคู่แข่งได้ ยิ่งในตลาด Red Ocean ที่มีแบรนด์ใหม่มากมาย คุณอิ๊ง บอกว่าการเล่าเรื่องให้น่าสนใจเป็นสิ่งที่แบรนด์ควรให้ความสำคัญ และไม่ได้สื่อสารแค่ผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียว เพราะทุกวันนี้ผู้บริโภคไม่ได้อยากฟังแบรนด์ขายของเท่านั้น หรือซื้อสินค้าเพราะคุณภาพเท่านั้น แต่ซื้อเพราะเรื่องราวของแบรนด์ว่ามีประวัติความเป็นมาน่าสนใจ หรือแปลกใหม่อย่าง ซึ่งถ้าสังเกตแบรนด์ระดับโลกหรือแบรนด์ไทยล้วนมีเรื่องราวน่าสนใจทั้งนั้น เช่น Apple
4.กล้าลอง
หลายคนมีความฝันและตั้งใจที่อยากจะทำธุรกิจ แต่บางครั้งแบรนด์ดิ้งไม่เกิด เพราะขาดความกล้า โดยคุณรษิกา บอกว่าความกล้าในที่นี่คือ การปรับเปลี่ยนตัวเองให้ลองทำสิ่งใหม่ๆ เช่นเดียวกับคุณ CK Cheon ที่เห็นตรงกันว่า ความกล้าเป็นสิ่งสำคัญของการสร้างแบรนด์ในยุคนี้ เพราะทำให้เกิดความแปลกใหม่ จึงทำให้เขากล้าที่จะลองทำทุกอย่าง และไม่กลัวความผิดพลาด หรือเสียภาพลักษณ์ แม้หลายคนจะมองเขาเป็นซีอีโอ แต่คุณ CK Cheong กลับมองตัวเองเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่อยากจะทดลองอะไรใหม่ๆ ทุกอย่างที่เป็นงาน ซึ่งหากผิดพลาดก็สามารถเริ่มใหม่ได้ แต่ถ้าคนชอบ ก็จะช่วยให้แบรนด์เป็นที่จดจำได้ง่าย
5.ความสม่ำเสมอ
งานแบรนด์ดิ้งคือ การสร้าง Trust ซึ่ง Trust เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เงินซื้อไม่ได้ ดังนั้น แบรนด์ต้องมีวินัย ทำซ้ำๆ สม่ำเสมอจนคนจำได้ เช่น คุณ CK Cheong ทำคลิปวิดีโอ 3 คลิปทุกวัน หรือกรณีคุณเหว่งและคุณเติ๊ด ที่แม้จะผิดพลาดและล้มนับครั้งไม่ถ้วน แต่ยังเดินหน้าต่อและทำคอนเทนต์แหวกแนวมาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นช่องยูทูปที่โดนใจคนเจนใหม่