อาจเป็นภาพที่ไม่ได้พบเห็นบ่อยนักกับการออกมาบอกถึงอนาคตของแพลตฟอร์ม “Faceboook” โซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ที่มีผู้ใช้งานกว่า 3 พันล้านคนภายใต้การกุมบังเหียนของ Meta แต่สิ่งนั้นก็เกิดขึ้นแล้วเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสิ่งที่ Tom Alison ผู้ดำรงตำแหน่ง Head of Facebook บอกเกี่ยวกับอนาคตของแพลตฟอร์มก็คือ “Facebook อยากตอบโจทย์ทุกคน” โดยเฉพาะ Gen Z คนรุ่นใหม่ที่ Facebook บอกว่า อยากให้เข้ามามีส่วนร่วมกับแพลตฟอร์มมากที่สุด
Tom Alison กล่าวถึงภาพรวมของ Facebook ว่า ปัจจุบัน Facebook เป็นพื้นที่แห่งการค้นพบของผู้คนในเจเนอเรชันต่าง ๆ แต่พฤติกรรมในการค้นหาและค้
- การสร้างโซเชียลมีเดียยุ
คใหม่สำหรับคนรุ่นใหม่ - การพัฒนาศักยภาพของผลิตภัณฑ์
ใหม่ ๆ ด้วย AI
ตั้งเป้าปี 2026 ต้องมี AI Assistant ที่ดีที่สุดในโลก
Tom Alison กล่าวด้วยว่า “เป้าหมายของบริษัทก็คือ ภายในสิ้นปี 2026 บริษัทจะต้องมีเทคโนโลยีในการแนะนำที่ดีที่สุด (the world’s best recommendations technology) และต้องเป็นคำแนะนำที่ลงลึกถึงสิ่งที่ยูสเซอร์ต้องการได้จริง ๆ เช่น หากผู้ใช้งานต้องการเรียนกีตาร์ ผู้ช่วย AI ของ Meta ต้องสามารถนำเสนอข้อมูลที่ช่วยให้เขาเข้าใจคอร์ด หรือสิ่งอื่น ๆ เกี่ยวกับดนตรีที่ต้องการทราบได้ทันที”
นอกจากพัฒนาผู้ช่วย AI แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ Facebook กำลังพัฒนาคือวิดีโอ โดย Tom Alison บอกว่า 60% ของเวลาที่ผู้คนใช้ไปกับ Facebook คือการดูวิดีโอ พร้อมบอกว่า บน Facebook เป็นแหล่งรวมของวิดีโอทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอยาว วิดีโอสด วิดีโอสั้น ฯลฯ ซึ่งความสนใจในวิดีโอที่มากขึ้นนี้ ทำให้ความคาดหวังของผู้บริโภคต่อวิดีโอก็พัฒนาอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยในแง่การใช้งาน Tom Alison กล่าวว่า Facebook ได้เปิดตัวเครื่องเล่นแบบเต็มหน้าจอ ซึ่งรองรับการเล่นไฟล์วิดีโอทุกประเภท รวมถึงฟีเจอร์ เช่น การแตะเพียงครั้งเดียวเพื่อแชร์ แตะสองครั้งเพื่อไลค์ เป็นต้น
นอกจากนี้ ผู้บริหาร Facebook กล่าวอีกด้วยว่า พบพฤติกรรมการแชร์แบบส่วนตัวเพิ่มขึ้น โดยพฤติกรรมดังกล่าวเติบโตขึ้นกว่า 80% (YoY) และการแชร์นั้น มีทั้งแชร์บน Facebook หรือข้ามแพลตฟอร์มไปยังแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น WhatsApp เป็นต้น
ดึงดูด Gen Z อย่างไรถ้าบน Facebook มีแต่ “รุ่นเดอะ”
ในส่วนของการดึงคน Gen Z เข้าร่วมแพลตฟอร์มให้มากขึ้นนั้น ผู้บริหาร Facebook มีวิธีการอย่างไร โดยเฉพาะในวันที่ Facebook เต็มไปด้วยผู้คนอย่างรุ่นพ่อแม่ของ Gen Z ในจุดนี้คุณ Tom มองว่า อยากให้ Facebook เป็นสถานที่แลกเปลี่ยน-ส่งต่อประสบการณ์ของคนต่างรุ่น พร้อมยกตัวอย่างของฟีเจอร์ เช่น Groups, Reel ในฐานะเป็นแหล่งรวมของคน บทสนทนา ตลอดจนคลิปความรู้ให้กับ Gen Z ในการก้าวผ่านช่วงต่าง ๆ ของชีวิต
“Gen Z ต้องพบเจอการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในชีวิตอีกหลายครั้ง ทั้งการเริ่มต้นทำงาน เริ่มต้นการมีครอบครัว มีลูก และบน Facebook มีเนื้อหาดี ๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกจากพ่อแม่คนอื่น ๆ ในวัยเดียวกัน รวมถึงพ่อแม่ที่มีประสบการณ์มากกว่า (ทั้งบน Groups และ Reel) ซึ่งจะทำให้เขาได้รับมุมมองใหม่ ๆ แบบที่เครือข่ายโซเชียลอื่น ๆ ให้ไม่ได้ และเรากำลังเห็นคนหนุ่มสาวบอกว่า Facebook เป็นส่วนสำคัญมากขึ้นในชีวิตของพวกเขา เมื่อพวกเขาโตขึ้น และต้องจัดการกับปัญหาต่าง ๆ มากมายเหล่านี้”
ทั้งนี้ Facebook เผยว่า มีการเติบโตในส่วนของ Groups โดยมีผู้ใช้งานกว่า 1.8 พันล้านคนที่มีส่วนร่วมกับกลุ่มบน Facebook ในแต่ละเดือน และผู้ใช้รุ่นใหม่ (Young adults) โพสต์ในกลุ่มบน Facebook มากขึ้น โดยมักเป็นการโพสต์แบบไม่ระบุตัวตน ในกลุ่มที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ
โอกาสในการเติบโตของครีเอเตอร์
อีกสิ่งหนึ่งที่ Facebook ให้ความสำคัญคือครีเอเตอร์ โดยยังได้เปิดตัวฟีเจอร์ Professional Mode ที่ใช้งานง่ายขึ้น และถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการโพสต์เนื้อหาแบบสาธารณะและต้องการเพิ่มยอดผู้ติดตาม ซึ่งปัจจุบัน Professional Mode มียอดผู้ใช้งาน 100 ล้านคนต่อวันภายใน 18 เดือน
“เราได้พัฒนาโมเดลการจ่ายเงินให้กับครีเอเตอร์ของเรา โดยพิจารณาจากประสิทธิภาพของคอนเทนต์บน Facebook ของพวกเขา ซึ่งช่วยให้การสร้างรายได้ของครีเอเตอร์เป็นเรื่องง่ายขึ้น อีกทั้งยังขยายโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มเติมสำหรับคอนเทนต์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ หรือข้อความด้วย” Tom Alison กล่าวปิดท้าย