การประกาศชัยชนะครั้งนี้มีขึ้นเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยรัฐบาลญี่ปุ่นบอกว่า พวกเขาสามารถยกเลิกการใช้งาน Floppy Disk ในทุกระบบของรัฐบาลได้สำเร็จ รวมถึงการแก้กฎหมาย 1,034 รายการที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน Floppy Disk ได้หมดแล้ว ทำให้นับจากนี้ไป รัฐบาลญี่ปุ่นสามารถก้าวเข้าสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลได้อย่างเต็มตัว
คุณ ทาโร โคโนะ (Taro Kono) จากหน่วยงาน Digital Agency ของญี่ปุ่นคือคนที่ออกมาประกาศความสำเร็จครั้งนี้ โดย Digital Agency เป็นหน่วยงานใหม่ถอดด้ามของญี่ปุ่นที่ตั้งขึ้นในปี 2021 สำหรับอัปเกรดระบบงานรัฐบาลแบบเดิมเช่น งานที่ต้องทำบนกระดาษ หรืองานที่ยังใช้อุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบเก่าอย่าง Floppy Disk ฯลฯ ไปสู่ระบบออนไลน์ โดยในช่วงแรกที่คุณ Taro Kono เข้ารับตำแหน่งนั้น เขาได้ให้ข้อมูลว่า รัฐบาลญี่ปุ่นมีการระบุให้ใช้ Floppy Disk และอุปกรณ์สำนักงานแบบเก่า เช่น เครื่องโทรสาร แผ่นซีดี แผ่นมินิซีดี ฯลฯ ในการทำงานอยู่ในเอกสาร – กฎหมายต่าง ๆ ของญี่ปุ่นประมาณ 1,900 รายการเลยทีเดียว
ทันทีที่รัฐบาลญี่ปุ่นออกมาตั้งองค์กรอย่าง Digital Agency ในปี 2021 บรรดาหน่วยงานท้องถิ่น เช่น เขตมินาโตะ ในโอซาก้า หรือเขตเมกุโระ ในกรุงโตเกียวเองก็มีการประกาศว่า พวกเขามีแผนเปลี่ยนไปใช้สื่อออนไลน์ในการเก็บข้อมูลแทนสื่อแบบเดิมด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ความพยายามในการแก้กฎหมายเพื่อยกเลิกการใช้งานสื่ออิเล็กทรอนิกส์แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นมีขึ้นอย่างจริงจังในช่วง Covid-19 ระบาด เนื่องจากในเวลาดังกล่าว ระบบงานแบบเดิมสะท้อนให้เห็นว่า ไม่สามารถรองรับการให้บริการประชาชนได้ และมีความยุ่งยากหลายประการ
อย่างไรก็ดี ในแง่การใช้งานจริง ผู้ผลิตสื่อ Floppy Disk รายใหญ่อย่าง Sony ได้ยุติการผลิต Floppy Disk ขนาด 3.5″ ไปตั้งแต่ปี 2011 ส่วนเหตุผลที่ต้องเลิกผลิตก็มาจากพื้นที่ความจุของ Floppy Disk ที่ไม่ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ได้อีกต่อไป (แผ่น 3.5″ สามารถจุข้อมูลได้เพียง 1.44MB เท่านั้น และถ้าเป็นแผ่นขนาด 5.25″ จะสามารถจุข้อมูลได้เพียง 1.2MB) ทำให้ปัจจุบัน การใช้งาน Floppy Disk จึงมีค่อนข้างน้อยมาก (แต่ก็ยังมีอยู่ เช่น ในเครื่องบินโบอิ้ง 747 และ 767 และเครื่องบินแอร์บัส A320)
ขณะที่ ข้อมูลจากเว็บไซต์ floppydisk.com ระบุว่า เว็บไซต์สามารถขายแผ่น Floppy Disk ได้หลายพันชิ้นต่อวัน โดยขนาด 3.5″ เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุด ส่วนราคาขายของสินค้าได้เพิ่มขึ้นจาก 7 เซนต์เมื่อ 25 ปีก่อนเป็นแผ่นละ 1 เหรียญสหรัฐฯ เรียบร้อย