กำลังถูกจับตาอีกครั้งสำหรับวงการคริปโตที่หลายฝ่ายมองว่า กลับมาเป็นช่วงขาขึ้นอีกรอบ หลังข้อมูลในปี 2567 พบตลาดคริปโตกลับมาอยู่ที่ระดับ 2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ* และนั่นทำให้ บริษัท ยูนิต้า แคปิทัล บริษัทลูกในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารกสิกรไทย ตัดสินใจเปิดตัวแอปพลิเคชัน orbix INVEST เป็นทางเลือกให้นักลงทุนที่สนใจคริปโต พร้อมตั้งเป้าฐานลูกค้า 2,500 รายภายในสิ้นปี 2567 และมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) 1,000 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์ในการลงทุน ได้รับการเปิดเผยจาก ดร.ธนภูมิ ดำรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ อินเวสท์ จำกัด ว่า แบ่งออกเป็น 4 กลยุทธ์ หรือก็คือ 4 กองทุน ได้แก่
- ลงทุนในบิทคอยน์ (OBX-BTC)
- ลงทุนใน Ethereum (OBX-ETH)
- ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลขนาดใหญ่ และมีปัจจัยพื้นฐานดี 10 ตัว (OBX-U10) ตามกรอบการลงทุนของบริษัท โดยใช้ปัจจัยเชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณในการคัดเลือก และมีสัดส่วนการลงทุนตามมูลค่าตลาด
- ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Large-Cap (OBX-LVS) ไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าลงทุนสุทธิ โดยอาจมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนตามเทรนด์ของตลาดในแต่ละขณะ และบริหารโดยกลยุทธ์แบบเชิงรุก (Active Strategy)
สำหรับการเปิดใช้งานในช่วงต้น ดร.ธนภูมิเผยว่า รองรับอุปกรณ์ที่ใช้ iOS ส่วน Android จะเปิดตัวตามมาในอนาคต ซึ่งผู้ใช้งานต้องมีการยืนยันตัวตน โดยทำได้ผ่านแอปพลิเคชัน K Plus ของธนาคารกสิกรไทย หรือ NDID ก็ได้เช่นกัน
ส่วนการลงทุน พบว่า มีการกำหนดขั้นต่ำเอาไว้ที่ครั้งละ 5,000 บาท
ขณะที่กลุ่มเป้าหมาย 2,500 คนของแอปพลิเคชัน orbix INVEST เป็นใครได้บ้างนั้น คุณธนภูมิเผยว่า เปิดให้กับทุกกลุ่ม แต่จะเน้นไปที่กลุ่มที่เคยลงทุนในหุ้นต่างประเทศมาแล้ว เนื่องจากรับความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนได้ อีกทั้งยังมีความเข้าใจในความซับซ้อนของสินทรัพย์ดิจิทัลได้มากกว่า
ตั้ง Strategist for Kryptonian เพิ่มความมั่นใจ
นอกจากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว ดร.ธนภูมิได้เผยว่า บริษัทมีกลยุทธ์เพิ่มความเชื่อมั่นผ่าน Strategist for Kryptonian โดยเป็นทีมผู้จัดการเงินทุนที่มีประสบการณ์บริหารเงินทุนทั้งกลุ่มสินทรัพย์พื้นฐานและสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อช่วยในการคิดกลยุทธ์ด้านการลงทุนที่หลากหลายด้วย
*อ้างอิงจาก CoinGecko และถ้าเทียบการเติบโตในปี 2566 พบว่ามูลค่าการเติบโตอยู่ที่ 35% โดยเป็นผลจากการที่ กลต. สหรัฐฯ ประกาศอนุมัติกองทุน Bitcoin ETF และ Ethereum ETF ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลได้รับการยอมรับในวงกว้างมากขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่า ในปี 2030 มูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลอาจแตะที่ 10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว