ค่ายหนัง GDH สร้างปรากฏการณ์กวาดรายได้ทุบสถิติใหม่อีกครั้ง เมื่อภาพยนตร์เรื่อง “หลานม่า” ที่เข้าฉายในประเทศไทย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน กำลังฉายที่ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ทำรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกไปแล้วกว่า 1,200 ล้านบาท
นอกจากนี้ “หลานม่า” ได้เข้าร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ครั้งที่ 77 ที่ผ่านมา เตรียมเข้าฉายในเทศกาลหนังที่นิวยอร์ก เดือนสิงหาคมจะไปฉายที่ตลาดใหญ่อย่าง จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวมทั้งเตรียมไปเปิดตลาดที่ยุโรป เข้าฉายที่ เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก จากนั้นจะเดินหน้าไปฉายทั่วโลก
สรุปปรากฎการณ์ “หลานม่า”
– ความสำเร็จของ “หลานม่า” ในไทยทำรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศ กรุงเทพ-เชียงใหม่ ไปถึง 172 ล้านบาท และทำรายได้ทั่วประเทศ 339 ล้านบาท (จากเดิมที่ GDH ตั้งเป้าหมายรายได้ในไทยไว้ที่ 150 ล้านบาท)
– เป็นหนังไทยที่ทำลายสถิติทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในประเทศทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยทำสถิติเป็นหนังที่มียอดคนดูสูงสุดใน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ เมียนมา เวียดนาม (สถิติหนังไทยสูงสุดก่อนหน้านี้คือ บุพเพสันนิวาส และ ฉลาดเกมส์โกง)
– ในสิงคโปร์ “หลานม่า” เป็นหนังไทยที่เปิดตัวรายได้สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2556
– “หลานม่า” ทำรายได้ทั้งตลาดไทยและต่างประเทศ 1,200 ล้านบาท สูงสุดของค่าย GDH นับตั้งแต่ก่อตั้งมาในปี 2559
– “ยายแต๋ว อุษา เสมคำ” วัย 78 ปี ขึ้นแท่นนักแสดงนำ นางเอก 1,000 ล้านบาท
ยายแต๋ว อุษา เสมคำ
คุณจินา โอสถศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด กล่าวว่าความสำเร็จของ “หลานม่า” ทำได้เกินคาดไปมาก มาจากตัวบทภาพยนตร์ที่ดี เป็นหนังครอบครัว ความกตัญญู และความรัก ซึ่งเป็นเนื้อหาสากล ที่ทำตลาดได้ทั่วโลก เป็นหนังที่สามารถดึงกลุ่มครอบครัวออกมาดูในโรงได้ จากปกติคนดูหนังกลุ่มหลักจะเป็นวัยรุ่น คนทำงาน
“เราวางแผนไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า หลานม่า จะออกไปทำตลาดทั่วโลก เพราะเนื้อเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว ความกตัญญู เป็นสิ่งที่คนทั่วโลกเข้าใจ หลายประเทศที่ไปฉายทำรายได้เกินคาด โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
อีกตลาดใหญ่ในต่างประเทศของ “หลานม่า” คือ จีน ที่จะเข้าฉายในเดือนสิงหาคมนี้ เป็นการทำตลาดแบบแบ่งรายได้จากการฉาย ที่มีโอกาสสร้างได้รายได้มากขึ้น ต่างจากโมเดลก่อนหน้านี้ของหนังเรื่อง “ฉลาดเกมส์โกง” เคยทำรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศในจีนมาแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท แต่เป็นการขายลิขสิทธิ์ให้เอเยนต์ในจีนไปทำตลาด โดยการทำตลาดต่างประเทศของหนัง GDH หลังจากนี้จะเป็นการแบ่งรายได้เป็นหลัก
ปัจจุบันในไทยยังมีโรงหนังฉาย “หลานม่า” อยู่แต่ไม่มาก หลังจากมีกระแสตอบรับดีจากต่างประเทศ จึงได้ร่วมทำแคมเปญกับโรงภาพยนตร์ SF เปิดโรงฉาย “หลานม่า” ทั่วประเทศอีกครั้ง
ไฮไลต์หนัง GDH ครึ่งปีหลัง
สำหรับไฮไลต์หนังไทย GDH ครึ่งปีหลัง มีหนังอีก 2 เรื่อง คือ เดือนสิงหาคม GDH ร่วมทุนกับ JAI STUDIOS เรื่อง “วิมานหนาม” หนังดราม่า ผลงานจากผู้กำกับซีรีส์ แปลรักฉันด้วยใจเธอ “บอส นฤเบศ กูโน” นำแสดงโดย เจฟ ซาเตอร์, อิงฟ้า วราหะ
ปลายปีนี้ GDH ร่วมทุนกับ รฤก โปรดักชั่น เรื่อง “404 สุขีนิรันดร์..RUN RUN” หนังผี คอมเมดี้ ผู้กำกับรุ่นใหม่ “เสือ พิชย จรัสบุญประชา” นำแสดงโดย เต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี, ต้าเหนิง กัญญาวีร์ สองเมือง
ภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในครึ่งปี 2567 มีหนังเข้าฉายประมาณ 150 เรื่อง ทำรายได้ประมาณ 1,223 ล้านบาท (เฉพาะกรุงเทพฯ เชียงใหม่) โดยแบ่งเป็น ภาพยนตร์ไทย 23 เรื่อง ทำรายได้ 439 ล้านบาท ภาพยนตร์ต่างประเทศ จำนวน 127 เรื่อง ทำรายได้ 785 ล้านบาท ซึ่งภาพยนตร์ไทยที่ทำเงินในต้นปี อันดับ 1 ได้แก่ หลานม่า
ปี 2567 GDH ประมาณการรายได้อยู่ที่ประมาณ 590 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 214 ล้านบาท หรือ 57% หลักๆ มาจากรายได้ภาพยนตร์ประมาณ 217 ล้านบาท หรือ 37% รายได้จากต่างประเทศ 230 ล้านบาท หรือ 39% ซึ่งรายได้กลุ่มนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 5 เท่า โดยสัดส่วนหลักๆ 60 % ของรายได้ทั้งหมดนี้มาจาก “หลานม่า”
เปิดไลน์อัพ ปี 2568
สำหรับไลน์อัพหนังไทยของ GDH ในปี 2568
– GDH ร่วมทุน Billkin Entertainment และ PP Krit Entertainment หนังคอมเมดี้ “Project Red” (ยังไม่เปิดเผยชื่อ) ผลงานของผู้กำกับ “หมู ชยนพ บุญประกอบ” นำแสดงโดย 2 นักแสดงคู่ขวัญ “บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล” และ “พีพี กฤษฏ์ อำนวยเดชกร” ที่โคจรมาเจอกันครั้ง
– เรื่อง “Flat Girls” หนัง Coming-of-Age/Drama ผลงานของผู้กำกับ “แคลร์ จิรัศยา วงษ์สุทิน” นำแสดงโดย เอินเอิน ฟาติมา เดชะวลีกุล, แฟร์รี่ กิรณา พิพิธยากร, บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ และ อาโป วชิรากร
– เรื่อง “Beauty and The Beat” หนังคอมเมดี้ ผลงานผู้กำกับ “ไตเติ้ล กิตติภัค ทองอ่วม” นำแสดงโดย ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร, นุนิว ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์, ปิงปอง ธงชัย ทองกันทม และ นินิว เพชรด่านแก้ว
ปี 2568 GDH ยังมีโปรเจกต์หนังอีก 1 เรื่อง รวมเป็น 4 เรื่องที่จะออกฉายในโรงภาพยนตร์ และผลิตซีรีส์ให้แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง 1 เรื่อง โดยตั้งเป้าหมายรายได้รวม 680 ล้านบาท
ปัจจุบันการลงทุนหนังไทยอยู่ที่เรื่องละ 70-100 ล้านบาท ดังนั้นแนวทางการทำหนังของ GDH หลังจากนี้จะเน้นการจับมือร่วมทุนกับผู้ผลิตที่มีจุดแข็งในด้านต่างๆ เพื่อสนับสนุนการทำตลาดร่วมกัน ทั้งในไทยและต่างประเทศ สำหรับพันธมิตรต่างชาติที่สนใจ คือ อินโดนีเซีย เวียดนาม เกาหลีใต้
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE