“ 63 ปี อายิโนะโมะโต๊ะฯ ยังครองใจคนไทยมากสุด..แบรนด์ “อายิโนะโมะโต๊ะ” ครองส่วนแบ่ง 93% ในตลาด ผงชูรส ส่วน “รสดี” มีส่วนแบ่ง 53% กาแฟกระป๋อง “เบอร์ดี้” มีส่วนแบ่ง 53% ครองแชมป์ต่อเนื่อง โดย ปัจจุบัน อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) มีรายได้ 32,000 ล้านบาทแล้ว”
ตัวเลขข้างต้นสะท้อนความสำเร็จของ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ท่ามกลางการแข่งขันในตลาด “ผงปรงุรส” เมืองไทยที่ต้องเผชิญสถานการณ์ต้นทุนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะวัตถุดิบหลักอย่าง “มันสำปะหลัง” ที่ต้องเผชิญวิกฤติภัยแล้งทำให้ต้องมีการปรับขึ้นราคาในปีนี้
ปัจจัยดังกล่าวทำให้แบรนด์ “อายิโนะโมะ” ตัดสินใจประกาศขึ้นราคากลุ่มผลิตภัณฑ์ผงชูรสที่ 4% (เฉพาะรูปแบบถุงขนาดใหญ่) นับเป็นการประกาศขึ้นราคาในรอบ 2 ปี จากปี 2565 ที่ปรับขึ้นไปแล้ว 10%….ส่วนแพ็คเกจจิ้งขนาดเล็กที่ใช้ในครัวเรือนนั้นจะยังไม่มีการปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด เช่นเดียวกับกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสอื่นๆ ที่ทางบริษัทยังคงเน้นการบริหารจัดการต้นทุนแทน
การประกาศขึ้นราคาของผู้เล่นเบอร์ใหญ่ในตลาดเครื่องปรุงรสเมืองไทยที่มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 25,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดผงชูรส 15,000 ล้านบาท และกลุ่มเครื่องปรุงรสอื่นๆ อีก 10,000 ล้านบาท ดูเหมือนจะสร้างความเคลื่อนไหวให้ภาพรวมตลาดตื่นตระหนกตกใจได้ไม่น้อย
คุณอิชิโระ ซะกะกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้วัตถุดิบจะมีการขึ้นราคา แต่ไม่ใช่กลุ่มผงชูรสทั้งหมด ซึ่งจากนี้ไปเราจะเน้นการบริหารจัดการต้นทุนแทนการปรับขึ้นราคาในกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ ขณะที่แผนงานโดยรวมของเราจะยังคงเดินหน้าวิสัยทัศน์มุ่งสู่การเป็นบริษัทที่สร้างความอยู่ดีมีสุขให้สังคมไทยอย่างยั่งยืนตามแผนงานปี 2573
กางแผน 7 ปีทุ่ม 4.4 พันล้านลุยทรานฟอร์มสู่ผู้ผลิตอาหารระดับโลก
เมื่อย้อนเส้นทางการเติบโตของ “อายิโนะโมะโต๊ะ” ถือเป็นแบรนด์ที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานกว่า 63 ปี โดยเข้ามาก่อตั้งสำนักงานในไทยและเริ่มก่อสร้างโรงงานแห่งแรกที่ จ.สมุทรปราการ เมื่อปี 2503 ผลิตภัณฑ์แรกที่ทำตลาดคือ “ผงชูรส” จากนั้นได้ขยายผลิตภัณฑ์หลากหลาย โดยแบรนด์ “อายิโนะโมะโต๊ะ” กลายเป็นภาพจำกับสินค้าผงชูรสในไทยมานาน ก่อนจะขยายผลิตภัณฑ์หลากหลายเพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรุงรสและอาหาร เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และปุ๋ย ทั้งยังก่อสร้างโรงงานเพิ่มเป็น 10 แห่ง
ในปี 2566 ที่ผ่านมา “อายิโนะโมะโต๊ะ” ได้ประกาศทรานฟอร์มตัวเองครั้งใหญ่ ด้วยการสลัดภาพผู้ผลิตและจำหน่ายผงปรุงรสที่คนไทยคุ้นเคย ตามแผนงานปี 2567-2573 ด้วยการประกาศเดินหน้ารุกตลาดอาหารด้วยการประกาศการสนับสนุนภาครัฐตามแผนขับเคลื่อนประเทศไทย เพื่อส่งเสริมความแข็งแกร่งให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเกษตรและอาหาร (Agriculture and Food Hub) ระดับโลก
เริ่มต้นที่แผนงานในปี 2567 นี้จะเดินหน้ากลยุทธ์โภชนาการครบวงจร เปิดไลน์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ที่โดดเด่นด้วยศาสตร์แห่ง กรดอะมิโน (AminoScience) เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีแก่ผู้บริโภค พร้อมสานต่อ “โครงการ Thai Farmer Better Life Partner” เพื่อส่งเสริมการเกษตรไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้เพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำในการสร้างความ “กินดีมีสุข” อย่างยั่งยืน ครอบคลุม 3 มิติ คือ 1.ผู้บริโภค 2.สังคมและสิ่งแวดล้อม 3.พนักงาน
ขณะเดียวกันจากผลการสำรวจพบว่าผู้บริโภคมองว่าความเป็นอยู่ที่ดีของคนเราจะขึ้นอยู่กับอาหาร ซึ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 20-39 ปี นิยมการสร้าง work-life balance เลือกรับประทานอาหารอร่อยและดีต่อสุขภาพ ที่สำคัญ ต้องมีหน้าตาสวยงามน่าทาน ในขณะที่กลุ่มผู้ใหญ่อายุ 45-65 ปี จะหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ไม่ใส่น้ำตาล ลดเค็ม ไขมันต่ำ งดอาหารแปรรูป โดยผู้บริโภคทั้งสองกลุ่มคิดว่าสิ่งแวดล้อมที่ดีจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดีของตัวเอง โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ความใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
นอกจากนี้กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกรดอะมิโนสร้างการเติบโตถึง 2 ดิจิต ในปีนี้บริษัทฯ ใช้กลยุทธ์ส่งเสริมโภชนาการครบวงจร ด้วยการเปิดไลน์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ที่โดดเด่นด้วยศาสตร์แห่งกรดอะมิโน (AminoScience) เจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ ใน 4 หมวดหมู่ คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกรดอะมิโนสำหรับการนอนหลับ โภชนาการกีฬา บำรุงร่ายกายและบิวตี้
i-LiveWel แอปพลิเคชันน้องใหม่ที่จะช่วยกินดีมีสุขฉบับมนุษย์เงินเดือน
อีกหนึ่งยุทธศาสตร์ที่น่าสนใจของ อายิโนะโมะโต๊ะ คือการขยายธุรกิจสู่เซอร์วิสสุดล้ำกับด้วยการจับมือกับพันธมิตรเปิดตัวนวัตกรรมสุขภาพสำหรับองค์กร แอปพลิเคชัน i-LiveWell – แพลตฟอร์มกินดีมีสุขฉบับมนุษย์เงินเดือน ภายใต้งบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตเป็นครั้งแรก
ซึ่งเป็นการดึงเอาเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ Invitrace พัฒนาแอปรุกตลาดการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันด้วยโมเดลธุรกิจแบบ B2B เตรียมเจาะ 50 บริษัททั่วไทยที่มีนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพของพนักงาน เพื่อปลั๊กอินยกระดับสุขภาพพนักงานออฟฟิศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เสริมไลฟ์สไตล์สร้างความกินดีมีสุข ดูแลสุขภาพกาย-ใจให้ดีแบบองค์รวม โดยมีฟีเจอร์หลักคือ
- A.I. Personal Health คำนวณแคลอรี่ นับก้าวเดิน ทำอาหาร ออกกำลังกาย การประเมินสุขภาพ ที่เชื่อมโยงกับภารกิจของบริษัท
- Entertainment Activity เกมและอวตาร คอมมูนิตี้ และรางวัลพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถป้องกันและดูแลสุขภาพที่ดีแก่พนักงานให้ “กินดีมีสุข” อย่างยั่งยืน โดยเดินเกมขยายธุรกิจด้านบริการอย่างเต็มตัว ตั้งเป้ามีพนักงานผู้ใช้งานกว่า 3,000 คน ภายในปี 2025”
นอกจากนี้อายิโนะโมะโต๊ะยังมุ่งสร้างความยั่งยืนต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วยการสานต่อ โครงการ Thai Farmer Better Life Partner ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เพื่อเพิ่มศักยภาพและเสริมทักษะเกษตรกรไทยแบบครบวงจร ตั้งแต่การเข้าไปสำรวจปัญหาของเกษตรกร พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานชั้นนำ อาทิ กรมส่งเสริมการเกษตร และ BIOTEC-NSTDA เป็นต้น ด้วยการใช้แนวคิดวัฏจักรชีวภาพ (Ajinomoto Biocycle) สร้างระบบนิเวศเชิงบวกในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเกษตรกรไทย ซึ่งช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและสร้างการเติบโตให้ผลผลิต 26-28% พร้อมสนับสนุนประเทศไทยเดินหน้าสู่ศูนย์กลางการเกษตรและอาหาร (Agriculture Hub) ด้วยการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ลดคาร์บอน และการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE