HomeBrand Move !!ตามรอย 90 ปีแบรนด์ Nutrilite หวนคืนสู่ต้นกำเนิดที่ “ประเทศจีน”

ตามรอย 90 ปีแบรนด์ Nutrilite หวนคืนสู่ต้นกำเนิดที่ “ประเทศจีน”

แชร์ :


ถ้าจะบอกว่า แบรนด์ Nutrilite (นิวทริไลท์) ถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศจีน คนทั่วไปอาจจะไม่เชื่อ(ถ้าคุณไม่ใช่นักธุรกิจแอมเวย์อ่ะนะ) ก็ในเมื่อถ้าจะซื้อผลิตภัณ์ของแบรนด์ต้องซื้อกับแอมเวย์ ทั้งนิวทริไลท์ ทั้งแอมเวย์ นี่มันชื่อฝรั่งชัดๆ ทั้ง 2 ยี่ห้อ แล้วประเทศจีนเกี่ยวอะไรด้วย ….

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ความจริงแล้วจุดกำเนิดของ นิวทริไลท์ เกิดขึ้นช่วงปี ค.ศ. 1915-27 Carl F. Rehnborg (คาร์ล เอฟ. เรห์นบอร์ก) เซลล์แมนชาวอเมริกัน ที่ทำงานให้กับบริษัทคาร์เนชั่นและคอลเกตในประเทศจีน เริ่มสังเกตุเห็นว่าชาวชนบทของดินแดนแห่งนี้มีสุขภาพที่ดี ดังนั้นเขาจึงเฝ้าสังเกตพฤติกรรมการใช้ชีวิต อาหารการกินของชาวจีน ประกอบกับช่วงนั้นเกิด Chinese Civil War (สงครามกลางเมือง) นั่นทำให้เขาต้องกลับไปที่แคลิฟอร์เนีย นำเอาองค์ความรู้ที่ได้จากภูมิปัญญาตะวันออก มาหลอมรวมกับองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ก่อตั้งบริษัทผลิตวิตามินและอาหารเสริมของตัวเอง กระทั่งทุกวันนี้ส่วนผสมหลายอย่างของอาหารเสริมนิวทริไลท์ ก็ยังคงมีสมุนไพรจากจีนหลายชนิดเป็นองค์ประกอบสำคัญ ส่วนพนักงานของนิวทริไลท์มีความเคารพในธรรมชาติควบคู่กับวิทยาศาสตร์ ตามปรัชญาของผู้ก่อตั้ง ที่ว่า “ดีที่สุดจากธรรมชาติ ดีที่สุดทางวิทยาศาสตร์” (Best of Nature, Best of Science) ถึงแม้ในวันนี้นิวทริไลท์จะเป็นหนึ่งในแบรนด์ของแอมเวย์แล้วก็ตามเมื่อ Jay Van Andel และ Richard DeVos สองผู้ก่อตั้งแอมเวย์ซื้อกิจการนิวทริไลท์เมื่อปี 1972

ชายใต้ต้นไม้

และสถานที่ๆ จะย้อนถึงถิ่นกำเนิดของ “นิวทริไลท์” ได้ดีที่สุดก็คงจะเป็น “ศูนย์วิจัยพฤกษศาสตร์แอมเวย์หรือศูนย์ ABRC” ซึ่งก่อสร้างขึ้นในปี 2013 (พ.ศ. 2556) บนพื้นที่ขนาด 298 ไร่ ที่เมืองอู๋ซี (Wuxi) ด้วยเงินลงทุน 25 ล้านเหรียญสหรัฐ เหตุผลที่ “แอมเวย์” เลือกก่อตั้งศูนย์พฤกษศาสตร์ที่เมืองนี้จากตัวเลือกที่มาราว 40 แห่งก็เพราะว่าทำเลและภูมิอากาศเหมาะสม ไม่ร้อน-หนาวเกินกว่าที่ทดลองปลูกพืชนานาชนิด ด้านการคมนาคมขนส่งสะดวก ขณะเดียวกันทางเมืองก็มอบสิทธิพิเศษหลายด้าน    

ณ ก้าวแรกที่มาถึง ศูนย์วิจัยพฤกษศาสตร์แอมเวย์ รูปปั้นบรอนซ์ขนาดเท่าคนจริงนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ รอเราอยู่ … เขาคนนี้นี่แหละ คาร์ล เอฟ. เรห์นบอร์ก ชายผู้จากไปในวัย 78 ปี แต่ทิ้ง Passion เรื่องสุขภาพเอาไว้ให้ผู้คนทั่วโลก

Amway Botanical Research Center – Carl statue

รูปปั้นนี้มาจากตำนานที่ คาร์ล กำลังงีบหลับอยู่ที่ใต้ต้นไม้ ขณะที่ดิสทิบิวเตอร์กลุ่มหนึ่งมาเยี่ยมชมฟาร์ม แล้วเขาถูกปลุกขึ้นมา พูดคุยธุรกิจกับตัวแทนจำหน่ายเหล่านั้น โดยเอาม้านั่ง เก้าอี้มานั่งพูดคุยกันอย่างง่ายๆ เป็นกันเอง แต่กลายเป็นบทสนทนาท่ามกลางท้องฟ้าสีครามที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสาระตั้งแต่สินค้าจนถึงการขาย นั่นทำให้หลังจากนั้น เหตุการณ์ที่ถูกเรียกว่า “The Pepper Tree Talks” นี้ กลายตำนานของ Nutrilite ที่ใช้พูดคุยกับพนักงานภายในและพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ รูปปั้นพร้อมทั้งต้นไม้ที่คาร์ลนั่งอยู่จึงเป็นสัญลักษณ์ของศูนย์วิจัยพฤกษศาสตร์แอมเวย์ เพื่อรอต้นรับผู้มาเยี่ยมเยือน

สารพัดพันธุ์พืชที่ ABRC 

จากผู้ก่อตั้งมาสู่คนทำงานในปัจจุบัน บุคคลแรกที่ออกมาต้อนรับเราก็คือ ดร.ตงกันเฉียง หรือ ดร.โทนี่ หัวหน้าศูนย์วิจัย ผู้ซึ่งเป็นพนักงานคนแรกของ ABRC เขาเริ่มต้นด้วยการเล่าถึง Passion ของเขาตั้งแต่เริ่มต้นเรียนและทำงานในสายงานนี้ ว่า “หน้าที่หนึ่งของพวกเราคือการทำให้คนรุ่นใหม่กลับมาสนใจเรื่องการเกษตร เพราะมันคือพื้นฐานของการดำรงชีวิตของมนุษย์ แล้วด้วยเทคโนโลยีทุกวันนี้ การทำเกษตรไม่ได้ลำบากเหมือนเดิมแล้ว เช่น การพรวนดินก็ไม่ต้องใช้รถ แม้แต่การพรวนดินก็ไม่ต้องขับ ใช้รีโมทแล้ว และความผิดพลาดก็ต่ำมาก”

ดร.ตง กันเฉียง หัวหน้าศูนย์วิจัย ABRC

สำหรับศูนย์วิจัยพฤกษศาสตร์แอมเวย์ ที่อู๋ซี ถือเป็นศูนย์วิจัยที่ทำการศึกษาและพัฒนาพฤกษศาสตร์การทำฟาร์มสมุนไพรจีนออร์แกนิกแห่งแรกของโลก มีนักวิจัยราว 22 คน ที่ทำงานประจำ รวมทั้งยังมีพนักงานอื่นๆ หรือนักศึกษาในระดับปริญญาโทที่แวะเวียนมาฝึกงานยู่เสมอรวม 70 คน ที่แห่งนี้ควบคุมสภาพน้ำ – ดิน การคัดสรรตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ ไปจนถึงวิธีการเพาะปลูกตามมาตรฐานฟาร์มออร์แกนิกที่เป็นมาตรฐานเดียวกันกับฟาร์มออร์แกนิกของแอมเวย์ในบราซิล เม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา

โดย ดร.โทนี่ สรุปถึง 3  หัวใจหลักของงานวิจัยแห่งนี้ ประกอบด้วย 1.สายพันธุ์ 2.วิธีการปลูก และ 3. สถานที่ที่ดี ส่วนหน้าที่ของนักวิจัย ก็คือตรวจสอบคุณภาพและหาวิธีที่ทำให้ดีขึ้นอีกได้ไหม โดยความท้าทายของงานวิจัยอยู่ที่การเฟ้นหาพืชที่เหมาะสมกับการนำไปผลิตเป็นโปรดักท์ที่เหมาะสมกับผลิตภํณฑ์ของแอมเวย์ ดร.โทนี่ อธิบายว่าแม้แต่พืชตระกูลเดียวกันก็อาจมี DNA ที่แตกต่างกันในแต่ละสายพันธุ์ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์ต้องศึกษาตั้งแต่ “ราก” ซึ่งปกติจะเป็นส่วนที่มองไม่เห็น ว่าเหมาะสมกับพื้นที่ปลูกหรือไม่ ขณะเดียวกันก็มีพืชบางชนิดที่ถูกส่งไปปลูกยังอวกาศ เพื่อ

เขาพาเราเดินดูตัวอย่างการปลูกพืชหลายชนิด เช่น บลูเบอร์รี่ ซึ่งที่ ABRC มี “บลูเบอร์รี่” กว่า 137 สายพันธุ์ ถือว่ามีปริมาณสายพันธุ์มากที่สุดในโลก ส่วนพืชอีกชนิดที่เป็นไฮไลท์ก็คือ “เก๊กฮวย” จำนวน 124 สายพันธุ์ จนกระทั่ง ABRC ใช้เวลากว่า 8 ปี ค้นพบว่าสายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติเรื่องสุขภาพสูงสุดทั้งบำรุงไต และตา ก็คือ Hang Bai Ju (หัง ไป๋ จวี๋) เก๊กฮวยขาวสายพันธ์ที่มีถิ่นกำเนิดจากหางโจว ผนวกกับการปลูกด้วยสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุด ตั้งแต่ดิน, เมล็ดพืช,​ การปลูก, การเก็บเกี่ยว ไปจนถึงการแปรรูป

ตัวอย่างเก๊กฮวยสารพัดชนิด ที่ศูนย์วิจัยแห่งนี้ค้นพบแล้วว่า…และแกจะมาเป็นเก๊กฮวยเหมือนกันไม่ได้!!

ยังมี “บัว” ซึ่งที่นี่ปลูกกว่า 324 สายพันธุ์ ซึ่งต้องอาศัยความสำคัญของแหล่งน้ำ และดิน เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ ABRC มุ่งมั่นให้พืชทั้งหมดปลูกด้วยระบบออร์แกนิค เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จนในที่สุดนักวิจัยก็มาสามรถผสมพันธุ์จนได้บัวที่ดีที่สุด ซึ่งในตอนนี้ยังเป็นชื่อวิทยาศาสตร์สุดๆ ว่า “งานวิจัยพืชหมายเลข 1” ดร.โทนี่ยังบอกอีกว่าสารสกัดจากบัวสายพันธุ์นี้ กำลังจะถูกนำมาใส่ในผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Artistry ด้วย

ดอกบัวนานาพันธุ์ที่ ABRC ทางศูนย์วิจัยมุ่งเน้นที่จะนำสายพันธุ์ที่ดีที่สุดมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครือแอมเวย์

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใต้การศึกษาพันธุ์พืชที่ใส่ใจทุกกระบวนการอย่างพิถีพิถัน ผนวกความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้วยปรัชญาแนวคิดของคาร์ล เรห์นบอร์ก ผู้ก่อตั้งแบรนด์นิวทริไลท์ ที่ว่า “ดีที่สุดจากธรรมชาติ ดีที่สุดทางวิทยาศาสตร์” (Best of Nature, Best of Science) ให้เห็นเป็นรูปธรรม

นับตั้งแต่ปี 2016 (พ.ศ. 2559) ศูนย์วิจัยพฤกษศาสตร์แอมเวย์หรือศูนย์ ABRC มีโอกาสต้อนรับผู้มาเยี่ยมชมจากทั่วทุกมุมโลกแล้วกว่า 1 แสนคน ประกอบด้วย นักธุรกิจแอมเวย์ทั่วโลก เจ้าหน้าที่จากภาครัฐ ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมต่างๆ นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนสื่อมวลชน


แชร์ :

You may also like