นี่อาจเป็นข่าวดีสำหรับอุตสากรรมรถยนต์ EV จีนที่กำลังหาทางออกไม่เจอจากการเร่งผลิตที่มากเกินไป เพราะ BYD ได้มีการจับมือกับผู้ให้บริการ Ride-Hailing สัญชาติอเมริกันอย่าง Uber ในการจัดหารถยนต์ไฟฟ้า 100,000 คันเพื่อให้บริการในตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงตลาดอย่างตะวันออกกลาง แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ได้สำเร็จ
สำหรับการประกาศความร่วมมือดังกล่าวมีขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่่ผ่านมา โดย Uber มองว่า การจับมือกับ BYD จะช่วยให้คนขับ Uber สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าได้เร็วขึ้น และทำให้ตัวแพลตฟอร์มมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วยนั่นเอง
ไม่เพียงเท่านั้น การส่งมอบรถ 100,000 คันตามสัญญากับ Uber นี้ยังเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดของ BYD นอกจีนแผ่นดินใหญ่นับตั้งแต่ปี 2022 เลยทีเดียว (ปี 2022 ทาง BYD สามารถขายรถ EV กับ SIXT บริษัทให้เช่ารถยนต์ของเยอรมนีในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า 100,000 คัน) ซึ่งถือว่ามาได้ถูกจังหวะ เพราะเป็นยุคที่ตลาดรถยนต์ EV จีนกำลังอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จากการขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรปเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมรถยนต์ของตนเอง โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ประกาศเพิ่มภาษีศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีนเป็นสี่เท่า ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 100% ไปแล้วเรียบร้อย
สำหรับปี 2023 พบว่า BYD สามารถส่งออกรถยนต์ได้ 242,765 คัน โดยการส่งออกเพิ่มขึ้น 334% จากปี 2022 ส่วนในเดือนมีนาคมปีนี้ Wang Chuanfu ประธานและกรรมการผู้จัดการของ BYD กล่าวในการประชุมนักลงทุนว่า บริษัทคาดว่าจะส่งมอบรถยนต์ 450,000 คันให้กับลูกค้าในต่างประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้น 85.4% เมื่อเทียบเป็นปีก่อนหน้า
ด้าน Stephen Dyer จากบริษัทที่ปรึกษา AlixPartners เปิดเผยว่า ซัพพลายเชนที่พัฒนาอย่างเต็มรูปแบบของจีนแผ่นดินใหญ่เป็นแรงผลักดันให้เกิดการผลิตที่แข็งแกร่ง และทำให้ผู้ผลิตรถยนต์จากจีนมีต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่าคู่แข่งระดับโลกถึง 35% จนเป็นที่มาของดีลดังกล่าวนั่นเอง