อีเลคโทรลักซ์ ชูไทย “ฐานการผลิตเชิงกลยุทธ์” ประกาศเปิด “สำนักงานใหญ่” ที่กรุงเทพฯ

อีเลคโทรลักซ์ กรุ๊ป ประกาศเปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคตะวันออกกลางแอฟริกาอย่างเป็นทางการที่กรุงเทพมหานคร ชี้ “ไทย” เป็นตลาดหลักของอีเลคโทรลักซ์กรุ๊ปในภูมิภาค ซึ่งทำให้สำนักงานใหญ่แห่งใหม่นี้มีบทบาทสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ของบริษัทรับการเติบโตของตลาดเอเชีย

สำหรับการเปิดสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคที่กรุงเทพฯ คาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มมากถึง 130 ตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นสายงานการตลาด สายงานบริหารผลิตภัณฑ์ หรือสายงานฟังก์ชันสนับสนุนการดำเนินงาน คุณวิเทอร์ มายอา รองประธานฝ่ายการขายภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคตะวันออกกลางแอฟริกา อีเลคโทรลักซ์กรุ๊ป กล่าวว่า “การเปิดสำนักงานใหญ่ของภูมิภาคของเราในกรุงเทพฯ ถือเป็นก้าวสำคัญของกลยุทธ์สร้างการเติบโตทางธุรกิจของอีเลคโทรลักซ์ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์ด้านนวัตกรรมและความยั่งยืนอันยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าและผู้บริโภค”

ด้านคุณอเล็กซิส ริชาร์ด ผู้จัดการทั่วไป อีเลคโทรลักซ์ประเทศไทย กล่าวว่า “การเปิดตัวสำนักงานใหญ่ของภูมิภาคครั้งนี้สร้างความภาคภูมิใจให้กับทีมงานในประเทศไทยเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของประเทศไทยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคตะวันออกกลางและแอฟริกา เรารู้สึกตื่นเต้นกับบทบาทสำคัญที่ประเทศไทยได้รับนอกเหนือจากบทบาทของโรงงานผลิตที่ระยอง ในการขับเคลื่อนกลยุทธ์การเติบโตทางธุรกิจ ตลอดจนส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าในประเทศไทย”

ปัจจุบัน โรงงานที่ระยองสามารถผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ 1.5 ล้านหน่วยต่อปี โดยมีสัดส่วนในการส่งออก 70% ไปยัง 56 ประเทศทั่วโลกและภายในปี 2026 ได้วางแผนขยายการผลิต โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 20%

วาง “ไทย” ฐานการผลิตเชิงกลยุทธ์

ในส่วนของโรงงานที่ระยอง ปัจจุบันเป็นหนึ่งในฐานการผลิตเชิงกลยุทธ์ของอีเลคโทรลักซ์ โดยมีการผลิตเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า ตู้เย็น และเตาประกอบอาหาร เพื่อส่งออกไปยัง 56 ประเทศทั่วโลก จัดจำหน่ายภายใต้ 10 แบรนด์ ซึ่งรวมถึงแบรนด์ อีเลคโทรลักซ์ (Electrolux) เวสติ้งเฮ้าส์ (Westinghouse) และฟริจิแดร์ (Frigidaire) โดยในปี 2566 ร้อยละ 25 ของพลังงานที่โรงงานระยองใช้มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนจากพลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ โรงงานยังได้การรับรองจากสถาบันระดับสากล “การบริหารจัดการของเสียไปสู่การฝังกลบเป็นศูนย์” (Zero Waste to Landfill) ด้วย

นอกจากนี้ โรงงานที่ระยองยังได้เปลี่ยนรถโฟล์คลิฟท์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันดีเซลหรือก๊าซแอลพีจี เป็นรถโฟล์คลิฟท์ระบบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน จำนวนมากถึง 133 คัน ซึ่งถือว่าช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงถึง 500 ตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 21,000 ต้น

สำหรับแผนการเติบโตของอีเลคโทรลักซ์ คือ การเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีเป้าหมายในการสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่มีอยู่เดิม และดึงดูดลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่ม premium market ลูกค้าที่สนใจด้านความยั่งยืน และลูกค้าที่ต้องการใช้สินค้าที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ถึง 85 ชนิดในปีนี้ ครอบคลุมเครื่องใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะตลาด premium โดยปัจจุบัน มีสินค้า highlight คือ เครื่องซักผ้าฝาหน้าขนาด 9-11 กิโลกรัม โดยตั้งเป้า market share ตลาดเครื่องซักผ้าฝาหน้าอยู่ที่ 25% ภายในปีนี้

ส่วนเครื่องดูดฝุ่นตั้งเป้า market share อยู่ที่ 15% ภายในปีนี้ สำหรับตู้เย็นเน้นจำหน่ายตู้เย็นหลายประตู หรือ multi door โดยตั้งเป้า market share อยู่ที่ 5% ของตลาดตู้เย็นทั้งหมด โดยตั้งเป้าว่าจะขยายฐานลูกค้าตู้เย็นหลายประตูและเครื่องใช้ไฟฟ้าบิ้วท์อินในครัว

เปิดแนวคิดรักษ์โลก

สำหรับการรุกตลาดในปีนี้ อีเลคโทรลักซ์มีการเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ Electrolux UltimateCare เช่น เครื่องซักผ้าพร้อมโปรแกรมซักผ้าแบบเต็มถังซักด้วยความเร็วภายในเวลา 45 นาทีเท่านั้น โดยใช้น้ำที่มีอุณหภูมิต่ำลงเพียง 30 องศาเซลเซียส โปรแกรมนี้จะช่วยถนอมเสื้อผ้าสำหรับสวมใส่ในชีวิตประจำวันให้ใช้งานได้นานขึ้น โดยไม่ใช้ไฟฟ้าหรือใช้น้ำเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด นอกจากนี้ เครื่องดูดฝุ่นรุ่นด้ามจับน้ำหนักเบายังผลิตจากวัสดุรีไซเคิลมากถึงร้อยละ 70

“การตั้งสำนักงานใหญ่ของภูมิภาคแห่งใหม่นี้ จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดศูนย์กลางที่สำคัญของอีเลคโทรลักซ์กรุ๊ป เรามุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพและความเชี่ยวชาญของพนักงานระดับภูมิภาคที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานระดับโลกและสนับสนุนโอกาสเติบโตในการทำงานกับเรา” คุณวิเทอร์ กล่าวปิดท้าย