เมื่อช่วงข้ามคืนที่ผ่านมามีการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ของอินเทล (Intel) ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐอเมริกา โดยพบว่า เป็นไตรมาสที่ไม่ดีนัก เนื่องจากรายได้ของไตรมาสนี้ต่ำกว่าที่คาด ส่งผลให้หุ้นของอินเทลปรับตัวลดลงประมาณ 7% นอกจากนั้น บริษัทยังประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะไม่จ่ายปันผลในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และจะมีการเลย์ออฟพนักงานมากถึง 15,000 คนเพื่อลดค่าใช้จ่ายองค์กรด้วย
สำหรับรายได้ของไตรมาสที่ 2 ของอินเทลพบว่าลดลง 1% โดยอยู่ที่ 12.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีผลขาดทุนสุทธิ 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่ง Pat Gelsinger ซีอีโอของอินเทลกล่าวว่า มาจากการตัดสินใจผลิตชิปเพื่อรองรับตลาด AI PC ให้เร็วขึ้น ซึ่งปัจจุบัน AI PC มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 10% และอินเทลคาดการณ์ว่า ตลาด AI PC ดังกล่าวจะเติบโตและครองส่วนแบ่งในตลาดพีซีได้มากกว่า 50% ภายในปี 2026
นอกจากนั้น อินเทลยังมีการย้ายการผลิตชิป Intel 4 และ 3 จากโรงงานในโอเรกอนไปยังโรงงานในไอร์แลนด์เร็วขึ้น ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้นเช่นกัน แต่ Pat Gelsinger ระบุว่า เป็นระยะสั้น ๆ เท่านั้น
ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการไม่ดีอย่างที่คาดก็คือการแข่งขันด้านราคาที่อินเทลบอกว่า มีการแข่งขันมากกว่าที่คาดการณ์ไว้จากคู่แข่งอย่าง AMD, Qualcomm ฯลฯ นั่นเอง
อย่างไรก็ดี ไม่เฉพาะหุ้นอินเทลที่ปรับตัวลดลง แต่หุ้นของบริษัทเทคโนโลยีในอุตสากรรมเซมิคอนดักเตอร์รายอื่น ๆ ก็ลดลงเช่นกัน เช่น Nvidia (ลดลง 6.67%) หรือ AMD (ลดลง 8.26%)
ส่วนเรื่องการปรับลดพนักงาน ทางบริษัทประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะมีการเลย์ออฟประมาณ 15,000 ตำแหน่ง ซึ่ง Pat Gelsinger กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า ทั้งหมดนี้มาจากต้นทุนของบริษัทที่สูงเกินไป และจะมีการปรับโครงสร้างบริษัทเพื่อลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลง
เทียบหุ้น AMD-Intel-Nvidia
อย่างไรก็ดี หากเทียบกับเมื่อช่วงต้นปี ราคาหุ้นของอินเทลเคยขึ้นไปสูงถึง 50 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาหุ้นอินเทลในเวลานี้ก็ต้องยอมรับว่าปรับตัวลดลงมากกว่า 18% เลยทีเดียว ขณะที่คู่แข่งอย่าง Nvidia กลับเติบโตสวนทาง โดยหุ้นของ Nvidia เมื่อช่วงต้นปีอยู่ที่ 48 เหรียญสหรัฐฯ แต่ปัจจุบัน ราคาสูงถึง 109.21 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนหุ้นของ AMD เมื่อช่วงต้นปีอยู่ที่ 147 เหรียญสหรัฐฯ และปัจจุบันอยู่ที่ 132 เหรียญสหรัฐฯ โดยถึงแม้จะลดลง แต่ก็ลดลงในสัดส่วนที่น้อยกว่าอินเทลพอสมควร
AI PC อาจเป็นจุดแข็งในอนาคตของ “Intel”
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า Intel ยังมีจุดแข็ง นั่นคือ ความสามารถในการส่งมอบชิปเพื่อ AI PC ได้มากกว่า 15 ล้านเครื่องตั้งแต่เดือนธันวาคม 2023 ซึ่งมากกว่าคู่แข่งทั้งหมดของอินเทลรวมกัน นอกจากนี้ บริษัทยังคาดว่าจะสามารถส่งมอบชิป AI PC ได้มากกว่า 40 ล้านเครื่องภายในสิ้นปีนี้ด้วย ส่วน Lunar Lake ซึ่งเป็นซีพียู AI รุ่นถัดไปของบริษัท พบว่าสามารถผลิตออกสู่ตลาดได้เร็วกว่าที่กำหนด โดยอาจเริ่มจัดส่งได้ในไตรมาสที่ 3 นี้