HomePR Newsเอ็มไอที สโลน ปักหมุดกรุงเทพฯ เปิดสถาบันนอกสหรัฐฯ แห่งที่สองรองจากชิลี

เอ็มไอที สโลน ปักหมุดกรุงเทพฯ เปิดสถาบันนอกสหรัฐฯ แห่งที่สองรองจากชิลี

แชร์ :

MIT Sloan

สถาบันบริหารธุรกิจเอ็มไอที สโลน (MIT Sloan School of Management) เตรียมเปิดตัวสถาบันด้านการบริหารธุรกิจนานาชาติ ภายใต้ชื่อ “สถาบันบริหารธุรกิจเอ็มไอที สโลน แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (MIT Sloan Office for Southeast Asian Nations – MSAO)” เป็นแห่งที่ 2 นอกประเทศสหรัฐอเมริกา ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ในเดือนตุลาคม 2567 นี้ โดยเป็นสถาบันแห่งที่สองรองจากสถาบัน เอ็มไอที สโลน ที่เมืองซันติอาโก ประเทศชิลี

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

คุณจอร์เจีย เปรากิส รักษาการคณบดี จอห์น ซี. เฮด ที่ 3 แห่งสถาบันบริหารธุรกิจเอ็มไอที สโลน กล่าวว่า “การขยายขอบเขตการดำเนินงานของสถาบันธุรกิจเอ็มไอที สโลน มายังภูมิภาคอาเซียนในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพด้านการเรียนรู้เชิงปฏิบัติการให้กับนักศึกษาในปัจจุบัน แต่ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขยายขอบเขตการศึกษาในหัวข้ออื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น ด้านสภาพภูมิอากาศ ปัญญาประดิษฐ์ การพัฒนาแนวคิดผู้ประกอบการ และการศึกษารูปแบบการทำงานแห่งอนาคต ซึ่งจะสร้างผลกระทบเชิงบวกให้เกิดขึ้นเป็นวงกว้างทั้งในระดับประเทศและระดับโลก” พร้อมยังเผยด้วยว่าสถาบันบริหารธุรกิจเอ็มไอที สโลน ในกรุงเทพฯ จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางเชิงกลยุทธ์ในการขยายขอบเขตการดำเนินงานของสถาบันทั่วภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการเติบโตและความแข็งแกร่งของเครือข่ายศิษย์เก่าเอ็มไอทีในระดับสูง (เอ็มไอที มีศิษย์เก่ากว่า 1,900 คนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจำนวนนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต)

MSAO ยังมีเป้าหมายที่จะดำเนินงานร่วมกับสถาบันการศึกษาชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างใกล้ชิด ยกตัวอย่างเช่น Asia School of Business ณ เมืองกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเป็นสถาบันที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกลางประเทศมาเลเซีย โดยมีการนำเสนอหลักสูตรปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจ (MBA) ปริญญาโทบริหารธุรกิจสำหรับผู้บริหาร (EMBA) และปริญญาโทด้านการธนาคารกลาง (Master’s degree in Central Banking programs) ให้กับเหล่าผู้เรียนด้วย โดย สถาบันฯ มีแผนจะจัดงานเปิดสถาบันใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมกับเชิญศิษย์เก่ามาร่วมงานเสวนาในหัวข้อ “Beyond Years: The Future of Longevity” ซึ่งนำทีมโดยผู้เชี่ยวชาญจากเอ็มไอทีและผู้ทรงคุณวุฒิในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อร่วมพูดคุยเกี่ยวกับผลกระทบต่อความยั่งยืนซึ่งเกิดจากการมีอายุขัยยืนยาว ในเดือนตุลาคม 2567 ที่กำลังจะมาถึงนี้


แชร์ :