HomeBrand Move !!ไทยนิปปอนฯ ต่อสัญญา PLBY Group คว้าสิทธิ์จำหน่ายถุงยางอนามัยแบรนด์ PLAYBOY ทั่วโลก 30 ปี พร้อมสร้างรายได้ 2,000 ล้าน

ไทยนิปปอนฯ ต่อสัญญา PLBY Group คว้าสิทธิ์จำหน่ายถุงยางอนามัยแบรนด์ PLAYBOY ทั่วโลก 30 ปี พร้อมสร้างรายได้ 2,000 ล้าน

แชร์ :

“ราวๆ  200 ล้านชิ้น คือจำนวนที่ชาวไทยใช้ถุงยางอนามัยในหนึ่งปี ส่วนประเทศที่ใช้ถุงยางอนามัยมากที่สุดในโลกคือ “จีน” คิดเป็นจำนวน 7,000 ล้านชิ้นต่อปี มีตลาดรวมกว่า 80,000 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อินเดีย อินโดนิเซีย และญี่ปุ่น โดยปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมถุงยางอนามัยโลกอยู่ที่ 200,000 ล้านบาท เติบโตราว 5-7% ในทุกๆปีต่อเนื่อง”

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

การเติบโตของตลาดถุงยางอนามัยทั่วโลก สะท้อนการเข้าสู่สังคมเดี่ยว ครอบครัวขนาดเล็กของคนไทย โดยเฉพาะเมื่อคนรุ่นใหม่มีลูกน้อยลง หันมาคุมกำเนิดมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่าง “ถุงยางอนามัย” ได้รับอานิสงส์เติบโตเพิ่มขึ้นตามไปด้วยในหลายเมืองใหญ่ทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศที่ไทยที่ตลาดถุงยางอนามัยมีมูลค่า 1,500 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มพรีเมียมมีมูลค่าราว 1,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 7% ในทุกปี

“การที่คนไทยมีลูกน้อยลง เข้าสู่สังคมเดี่ยวมากขึ้น บวกกับอายุที่คนไทยเริ่มใช้ถึงยางอนามัยเริ่มที่อายุ 13 ปีเหล่านี้ล้วนทำให้ตลาดถุงยางอนามัยมีแนวโน้มเติบโตได้สูงถึง 8-10% นับจากนี้ ซึ่งเทรนด์นี้เป็นการเติบโตที่สอดคล้องกันทั่วโลก ” คุณอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TNR PLC กล่าว

หลัง บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด  หรือ TNR ยักษ์ใหญ่แห่งวงการถุงยางอนามัยของไทยมานานกว่า 31 ปี โดยมี แบรนด์ ONETOUCH เป็นเรือธงหลักและมียอดขายเป็นเบอร์ 1 (จำนวนชิ้น) ของตลาดเมืองไทยในปัจจุบัน เดินหน้าต่อสัญญา “PLBY Group” เพื่อผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัย “PLAYBOY” ทั่วโลก (ยกเว้นในประเทศเม็กซิโก) เพื่อทำตลาดทั่วโลกแต่เพียงเจ้าเดียว ซึ่งเป็นสัญญาระยะยาวไปอีก 30 ปี 

 

 

การต่อสัญญาครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นทำการค้าร่วมกันใหม่อีกครั้งระหว่างทั้งคู่  หลังในปี 2564  ได้มีกรณีพิพาทเล็กน้อย TNR ได้ยื่นฟ้องร้อง “PLAYBOY”  ต่อศาลแขวงสหรัฐฯ ประจำเขตแคลิฟอร์เนีย  ก่อนจะถอนฟ้องในเดือนมิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา และสามารถไกล่เกลี่ยกันได้ลงตัว จนเป็นที่มาของสัญญาใหม่อีกครั้ง  โดยฝั่งของของ TNR จะทำหน้าที่ผลิตและจำหน่ายทั่วโลก ส่วนทาง PLAYBOY จะทำหน้าที่ด้านการตลาด สื่อสารแบรนด์ ผ่านเครือข่ายสื่อ และสินค้าในเครือฯ ที่มีอยู่ทั่วโลก

คุณอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TNR PLC  กล่าวว่า “ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา นิปปอนฯ ลงทุนเฉพาะส่วนใบอนุญาตในการจำหน่ายจากหลายประเทศทั่วโลกเกือบ 500 ล้านบาท ซึ่งในแต่ละประเทศล้วนมีข้อแตกต่าง ยากง่ายต่างกันออกไป แน่นอนการที่เราได้ใบอนุญาตในการส่งออกกว่า100 ประเทศทั่วโลกมา ซึ่งการร่วมมือกันระหว่าง TNR PLC และ PLBY Group, Inc. ในครั้งนี้ จึงตอบโจทย์และนับเป็นการผสานจุดแข็งของทั้งสององค์กรไว้ด้วยกัน” กล่าวถึงการทำตลาดในระดับโลกนับจากนี้

 

เปิดแผนปี 2568 ชูจุดเด่น Iconic lifestyle Brand ชู PLAYBOY รุกตลาดโลก

การเข้าทำตลาดของ “PLAYBOY CONDOMS” ในครั้งนี้จะเป็นการทำตลาดในเซกเมนต์พรีเมียม เน้นจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ได้มองถุงยางอนามัยเป็นเพียงแค่อุปกรณ์การคุมกำเนิด และป้องกันโรค แต่ยังให้ความสำคัญกับการมองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ จากการเลือกใช้งานถุงยางอนามัยที่แสดงออกถึงไลฟ์สไตล์ และตัวตนของผู้ใช้ รวมไปถึงภาพลักษณ์แบรนด์ที่น่าเชื่อถือ

โดยการทำตลาดนับจากนี้ไปจะเป็นการนำจุดแข็งของบริษัท  TNR PLC ก่อตั้งมายาวนานกว่า 31 ปี มีความเชี่ยวชาญในการผลิตถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติที่มีคุณภาพสูง พร้อมกับมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตสูงสุด 2,000 ล้านชิ้นต่อปี และส่งออกไปขายกว่า 100 ประเทศทั่วโลกเข้ามาเป็นกำลังสำคัญในการผลิตเพื่อป้อนตลาดทั่วโลก

ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา  จีน รวมถึงตลาดใหม่อย่าง อินเดีย เวียดนาม แอฟริกา ตลอดจนประเทศเกาหลีใต้ในปี 2568 ก่อนที่จะขยายเข้าไปยังกลุ่มประเทศอื่น ๆ ในอนาคต 

 

 

“PLAYBOY คือ Iconic Lifestyle Brand ไลฟ์สไตล์แบรนด์ ที่มีอายุกว่า 71 ปี มีจุดเด่นคือความเท่ เซ็กซี่ และมีรสนิยม และยังตอบโจทย์ความต้องการได้ดี นั่นคือจุดแข็งของเราในการทำตลาดโลก นอกจากนี้ในปีหน้า 2568 เรายังมีแผนนำ PLAYBOY Magazine กลับมาทำใหม่อีกครั้งหลังจากปิดตัวลงไปในปี 2559  (โดยหันมาอยู่ในรูปแบบดิจิทัลแทน) ซึ่งการกลับมาในรูปเล่มครั้งนี้ยิ่งจะเป็นการสร้างเครือข่ายและส่งเสริมการขายให้แก่ PLAYBOY CONDOMS อีกช่องทางหนึ่ง ” Mr. Ben Kohn ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจาก PLBY Group, Inc.

นอกจากนี้  “PLAYBOY” ยังมีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อาทิเช่น เจลหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันกัญชา (CBD) และการพัฒนาผลิตถุงยางอนามัยให้บางยิ่งขึ้นกว่าที่มีขายในปัจจุบัน นับเป็นการเพิ่มมูลค่า และสร้างสีสันวงการถุงยางอนามัยให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นในสายตาผู้บริโภค

 

ลงทุน 500-800 ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิต 3,000 ล้านชิ้น รับดีมานด์ตลาดถุงยางอนามัยโลก

ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับความต้องการในตลาดโลกระยะยาว ทาง TNR ยังได้เตรียมงบประมาณ 500-800 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานแห่งใหม่บนพื้นที่ประมาณ 16 ไร่ในปลายปีหน้าหลังจากผ่านการอนุมัติจากบอร์ด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างหาพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ในจังหวัดชลบุรี การสร้างโรงงานใหม่จะทำให้กำลังการผลิตทั้งหมดของถุงยางอนามัยจะเพิ่มขึ้นจาก 2,000 ล้านชิ้นต่อปีในปัจจุบันเป็น 3,000 ล้านชิ้นต่อปี โดยถุงยางอนามัย  PLAYBOY มีสัดส่วนการผลิต 30-40% ของกำลังการผลิตทั้งหมด

 

 

อย่างไรก็ตามสำหรับความร่วมมือครั้งนี้จะเริ่มผลิตและจำหน่ายในปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันให้บริษัทมีรายได้รวมประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกทำรายได้ที่ 1,000 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง 5 ปีนับจากนี้วางเป้าหมายรายได้  3,000 ล้านบาท โดยมาจากการขายเพลย์บอย 2,000 ล้านบาท

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE

 


แชร์ :

You may also like