HomeBrand Move !!3 กลยุทธ์ RS ปั้น 3 แบรนด์ใหม่ ชิงตลาดน้ำพริกพรีเมียม-เครื่องสำอาง ดันรายได้คอมเมิร์ซ ‘พันล้าน’

3 กลยุทธ์ RS ปั้น 3 แบรนด์ใหม่ ชิงตลาดน้ำพริกพรีเมียม-เครื่องสำอาง ดันรายได้คอมเมิร์ซ ‘พันล้าน’

แชร์ :

คุณพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล – คุณวรัญญา ราชพลสิทธิ์

“คอมเมิร์ซ” เป็นหนึ่งในธุรกิจสร้างการเติบโตใหม่ให้ “อาร์เอส กรุ๊ป” โดยมี RS LiveWell เป็น Product Company ผู้สร้างสรรค์และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเพื่อสุขภาพและความงาม ภายใต้ “เฮาส์แบรนด์” ของตัวเอง ครอบคลุมหลายกลุ่มสินค้าและกลุ่มเป้าหมาย

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ปัจจุบันสินค้า “เฮาส์แบรนด์” ประกอบไปด้วยแบรนด์ well u, vitanature+, DARING & CO., aviance, Beyonde, iFresh, Happie Homie, Erb และ Lifemate จำหน่ายผ่านมัลติแพลตฟอร์มชอปปิงสินค้าของ “อาร์เอส กรุ๊ป” ไม่ว่าจะเป็น RS Mall ทั้งออนแอร์ ออนไลน์ และเทเลเซลล์ และ ULife การขายสินค้ารูปแบบ Subscription Model รวมไปถึงการจำหน่ายสินค้าผ่านทีวีดิจิทัล อาทิ Workpoint TV – Amarin TV – ไทยรัฐ TV นอกจากนี้ยังมีช่องทางอื่นๆ เช่น ร้านโมเดิร์นเทรด ซูเปอร์มาร์เก็ต และออนไลน์ มาร์เก็ตเพลส

คุณพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส มิวสิค จำกัด กล่าวว่าภายใต้กลยุทธ์ Unlock Value ปลดล็อกศักยภาพทุกธุรกิจของ “อาร์เอส กรุ๊ป”  เพื่อทำให้เกิดการ Synergy ธุรกิจในเครือ จากผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มช่องทางการขาย สร้าง Commerce Ecosystem โดยใช้ทรัพยากรภายในกลุ่มให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ล่าสุด RS LiveWell ร่วมกับ RS Multimedia & Entertainment และ RS Music ดึงความเชี่ยวชาญของแต่ละธุรกิจ ทั้งการปั้นศิลปิน การสร้างคอนเทนต์ และ Music Marketing มาขับเคลื่อนการคิดค้นและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อต่อยอดธุรกิจคอมเมิร์ซในหลากหลายรูปแบบ ภายใต้ Content to Commerce (C2C) กับ 3 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ น้ำพริกปากท้อง, bbooty แป้งทาหน้าผสมรองพื้น และแป้งผสมรองพื้น TellmeDarling by Daring&Co. เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่ม Gen Z และมิลเลเนียล

3 กลยุทธ์ปั้นแบรนด์ใหม่เจาะตลาดน้ำพริก-เครื่องสำอาง

การต่อยอดธุรกิจคอมเมิร์ซด้วยรูปแบบ Content to Commerce (C2C) ประกอบไปด้วย 3 กลยุทธ์หลัก เพื่อหาโอกาสเจาะตลาดกลุ่มสินค้าใหม่

1. Strategic Partnerships จากศักยภาพของ อาร์เอส กรุ๊ป ภายใต้โมเดลธุรกิจ Entertainmerce จึงทำให้ RS LiveWell เล็งเห็นว่าการทำ Co-Brand ระหว่างธุรกิจในเครือ เป็นจุดแข็งสำคัญในการดึงความเชี่ยวชาญและปลดล็อคศักยภาพของแต่ละธุรกิจในเครือออกมาใช้ เพื่อรุกเข้าสู่ประเภทสินค้าใหม่ๆ

หนึ่งในตลาดที่เห็นการเติบโตต่อเนื่อง คือ “น้ำซอสปรุงรสและน้ำพริก” ในปี 2023 มีมูลค่ามากถึง 57,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยต่อปี 8% โดยสินค้าในกลุ่มน้ำพริกสำเร็จรูปพร้อมรับประทานยังไม่มีผู้เล่นรายใหญ่ หรือเจ้าของตลาดที่ชัดเจน นับเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจ

RS LiveWell จึงจับมือกับรายการ “ปากท้องต้องรู้ ดูแล้วร้วยรวย” คอนเทนต์ยอดนิยมขวัญใจพ่อค้าแม่ขาย ที่ออกอากาศทาง “ช่อง 8”  ทั้งออนแอร์ ออนไลน์ และมีกิจกรรมออนกราวน์ ถือเป็น คอนเทนต์ที่แข็งแรงมีฐานผู้ติดตามหลายสิบล้านคน โดยดึง “เอ ไชยา-แป้ง ศรันฉัตร์ มิตรชัย” ที่มีฐานแฟนคลับบ้านมิตรชัย กว่า 500,000 followers ทางโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง ร่วมเป็น “เจ้าของ” พัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน ภายใต้แบรนด์ “ปากท้อง” 

“แบรนด์ ปากท้อง ถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญา ที่เกิดจาก ช่อง 8  และนำชื่อมาต่อยอดเป็นแบรนด์ในกลุ่มน้ำซอสปรุงรสและน้ำพริกของอาร์เอส เริ่มจากเจาะฐานแฟนคลับของ เอ ไชยา-แป้ง ศรันฉัตร์ มิตรชัย คู่หูจัดรายการปากท้องต้องรู้ ดูแล้วร้วยรวย รวมทั้งขยายสู่ตลาดแมส”  

“น้ำพริกปากท้อง” เป็นน้ำพริกแห้งพร้อมรับประทาน วางตำแหน่งเป็นกลุ่มพรีเมียม โดยเริ่มจำหน่าย 3 รสชาติที่มีส่วนผสมหลักและสูตรลับจากบ้านเกิดของ “เอ ไชยา มิตรชัย”  ได้แก่ น้ำพริกปลาช่อนต้มยำ น้ำพริกปลาช่อนไข่เค็ม และน้ำพริกปลาสลิด  ขนาด 250 กรัม ราคา 299 บาท  

2. Star Commerce  ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่มาสนับสนุนศิลปิน-ดาราในสังกัด ที่มีความสามารถหลากหลายด้าน โดยอาร์เอส จะทำหน้าที่เป็น Full Ecosystem support ที่ทำให้ศิลปินสามารถนำไปต่อยอดได้รอบด้าน ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับศิลปินในสังกัดตามความสามารถของแต่ละคน

โดย RS LiveWell มองเห็นว่าตลาดเครื่องสำอาง (Color Cosmetics) ในประเทศไทย ปี 2023 มีมูลค่ามากถึง 20,087 ล้านบาท เติบโต 33% และยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี  โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม Facial Makeup และ Lip Products ถือเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเติบโต รวมถึงมีส่วนแบ่งในตลาดเป็นหลัก

กลยุทธ์ Star Commerce จึงเปิดตัวโปรเจกต์แรกกับ “ใบเตย” (ใบเตย สุธีวัน หรือ ใบเตย อาร์สยาม) ศิลปินที่มีผู้ติดตามทางโซเชียลมีเดียกว่า 6.5 ล้านบัญชี ที่สำคัญ “ใบเตย” มีแพชชันอยากเป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงาม

ดังนั้นจึงเกิดเป็นแบรนด์ Bbooty ขึ้นมา เริ่มด้วยสินค้าแรก “แป้งทาหน้าผสมรองพื้น”  จับกลุ่มลูกค้าในช่วงวัยรุ่นและวัยทำงาน อายุ 20-35 ปี จำหน่ายผ่าน Shopee, Lazada, Line OA และร้าน Beauty & Cosmetics

กลุ่มเครื่องสำอางเป็นสินค้า ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ  เพราะเป็นสินค้าเพื่อดูแลตัวเองให้ดูดี จึงเป็นตลาดที่ยังเติบโตได้  การทำแบรนด์สินค้าเครื่องสำอางของคนดัง เป็นเทรนด์ที่ประสบความสำเร็จในตลาดโลก ที่เห็นได้ชัดเจน เช่น  Fenty ของ Rihanna หรือ Kylie ของ Kylie Jenner

3. Brand Collaborations  โดย RS Livewell มองหาพาร์ทเนอร์ เพื่อต่อยอดธุรกิจให้กับแบรนด์ จากมูลค่าตลาดของสินค้าแป้งทาหน้าในกลุ่มของ Facial Makeup อยู่ที่ 5,131 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยต่อปี 8.4% โดยแบรนด์ Daring&Co.  ของอาร์เอส ถือเป็นแบรนด์ที่เน้นจับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นและวัยทำงาน ด้วยความเป็นแบรนด์ใหม่และวัยรุ่น จึงมองหาพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการทำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและเป็นที่รู้จักอย่างยาวนานในประเทศ รวมทั้งเป็นพาร์ทเนอร์ที่มีความครบวงจร

โปรเจกต์แรกจึงร่วมมือกับแบรนด์ Tellme  ที่อยู่ในตลาดมานาน ตอบโจทย์ทั้งภาพของแบรนด์และฝั่งโรงงานการผลิต รวมถึงการมีช่องทางการขายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ

การร่วมมือระหว่างแบรนด์ Daring&Co. และ Tellme ภายใต้แบรนด์ TellmeDarling by Daring&Co. ถือเป็นการขยายกลุ่มลูกค้าของทั้ง 2 แบรนด์ รวมถึงการ refresh ภาพแบรนด์และสินค้าของ Tellme ให้ดูเป็นวัยรุ่นและทันสมัยมากขึ้น

โดยเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์วัยรุ่นชื่อดัง (ซึ่งจะเปิดเผยเร็วๆ นี้) ร่วมกับการทำเพลงในรูปแบบ Music Marketing  การใช้ศักยภาพของ RS Music เพื่อส่งสารให้เชื่อมโยงไปยังอารมณ์ความรู้สึกของผู้ฟัง พร้อมกับการสร้างความคุ้นเคย จนกระทั่งชื่อแบรนด์หรือชื่อสินค้ากลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้ฟัง เพื่อสร้าง Brand Awareness โดยใช้เพลง Tellme Darling ที่ขับร้องโดย “เบิ้ล ปทุมราช – ลำไย ไหทองคำ” มาเป็นเพลงตั้งต้น และเน้นการทำการตลาดไปยังช่องทางออนไลน์ เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่

RS LiveWell วางเป้าหมายรายได้คอมเมิร์ซ “พันล้าน” 

คุณวรัญญา ราชพลสิทธิ์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส ลิฟเวลล์ จำกัด ในเครืออาร์เอส กรุ๊ป กล่าวว่าจาก 3 กลยุทธ์ดังกล่าวทำให้ธุรกิจคอมเมิร์ซมีโอกาสเติบโตทางธุรกิจ จากปัจจัยดังนี้

– การขยายกลุ่มสินค้า (Category) ใหม่ๆ ทั้งในกลุ่ม น้ำซอสปรุงรสและน้ำพริก ฟู้ดแอนด์สแน็คทคัลเลอร์ คอสเมติก และสินค้ากลุ่มอื่นๆ ในอนาคต

– ถือเป็นการปลดล็อคศักยภาพของอาร์เอส ในการใช้ความสามารถสร้างคอนเทนต์และการทำเพลง รวมถึงการดึงศิลปิน-ดาราในสังกัดที่มีความสามารถมาร่วมเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์

– ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่ม Gen Z และมิลเลนเนียล เพิ่มช่องทางการขายผ่านออนไลน์ โซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ TikTok

– การได้พาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งและพรีเซ็นเตอร์ที่มีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก จะทำให้สามารถบริหารต้นทุน และบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หลังเปิดตัว 3 แบรนด์ใหม่ ในกลุ่มสกินแคร์ คัลเลอร์ คอสเมติก ฟู้ดแอนด์สแน็ค ได้ขยายช่องทางการขายในประเทศเพิ่มเติมนอกจากช่องทางของอาร์เอส โดยเฉพาะ TikTok โมเดิร์นเทรด และบิวตี้สโตร์ รวมทั้งการขยายช่องทางการขายไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV

โดยคาดการณ์รายได้ของธุรกิจคอมเมิร์ซในปี 2567 อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากทั้ง 3 แบรนด์ใหม่ 25% อยู่ที่ 250 ล้านบาท  ส่วนรายได้จากแบรนด์สินค้าอื่นๆ ของ RS LiveWell ประมาณ 750 ล้านบาท หลังจากนี้ยังมองหาโอกาสจาก 3 กลยุทธ์ เพื่อเพิ่มพาร์ทเนอร์และสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง 

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like