ปี 2567 ถือเป็นอีกปีที่คอนเทนต์ไทยถูกพูดถึงในระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น “หลานม่า” ของ GDH ที่ออกฉายทั่วโลกกวาดเงินหลักพันล้านบาท ซีรีส์ “สืบสันดาน” ของกันตนา สร้างปรากฎการณ์ “ซีรีส์ไทย” ในเวทีโลก เป็นเรื่องแรกที่ครองอันดับ 1 บนชาร์ต Netflix Global Top 10 หมวดซีรีส์ภาษาต่างประเทศ เรียกว่าเป็นปีทองของคอนเทนต์ไทยก็ว่าได้
อีกความเคลื่อนไหวของธุรกิจภาพยนตร์ในปีนี้ เมื่อ เอส เอฟ (SF) ที่อยู่บนเส้นทางธุรกิจโรงภาพยนตร์มากว่า 40 ปี ได้ฤกษ์เปิดตัว “ค่ายหนัง” ครั้งแรก ภายใต้ชื่อ JAI STUDIOS (ใจ สตูดิโอ) กับนิยาม อยากทำหนังด้วย “ใจ”
คุณมิ้นท์ – พิมสิริ ทองร่มโพธิ์ กรรมการผู้จัดการ JAI STUDIOS เล่าว่า “คำถามที่เราเจอบ่อยๆ คือ ทำไม SF ไม่ทำค่ายหนัง ส่วนหนึ่งเพราะก่อนหน้านี้ SF อยู่ในบทบาทของโรงภาพยนตร์ ซึ่งเราได้ซัพพอร์ตค่ายหนังอย่างเต็มที่อยู่แล้ว และค่ายหนังในไทยก็มีศักยภาพ ดังนั้นเราจึงเลือกทำในสิ่งที่เชี่ยวชาญเป็นหลัก”
แต่หากย้อนไปในปี 2553 SF เคยทำหนังมาก่อนแล้วเช่นกัน ครั้งนั้นเป็นหนังร่วมทุนกับสหมงคลฟิล์มและเวิร์กพอยท์ เรื่อง “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก”
ต้องบอกว่าการทำ “ค่ายหนัง” อยู่ในโรดแมปของ SF มาตลอด
จุดเปลี่ยนสำคัญในช่วงโควิดที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้และปรับตัวของ SF เพราะโรงหนังเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลังผ่านโควิดมาได้แล้ว จึงมองจังหวะไปต่อเรื่อง “ค่ายหนัง” เพราะโควิดทำให้ทุกคนพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง เริ่มทำอะไรใหม่ๆ เพียงแค่ลองทำ โดยไม่ต้องรอให้พร้อมทุกอย่าง
“โควิดสอนเราว่าบางทีไม่ต้องรอให้พร้อมทุกอย่าง แค่พร้อมระดับหนึ่งแล้วคว้าโอกาสไว้ จึงเกิดเป็นค่ายหนัง JAI STUDIOS ในปีนี้ มองว่าบ้านเรายังมีโอกาสของหนังคุณภาพ ที่จะเข้ามาเสริมตลาด และน่าจะเป็นจังหวะที่ดีของ SF”
รู้จัก JAI STUDIOS ค่ายหนังแบบให้ “ใจ” สไตล์ SF
ทำความรู้จัก JAI STUDIOS ที่มาจากตัวอักษรแรกของคำ 3 คำ คือ JOYFUL, AUTHENTIC และ INSPIRED ที่แสดงถึงความฝัน ความทุ่มเท และความเป็นตัวตนของคนทำหนังและ “ใจ” ยังเป็นคำภาษาไทยที่ตรงไปตรงมา มีความหมายที่ดี
“หลายคนก็บอกว่าแนวทางการทำงานของ JAI STUDIOS ก็เหมือนคาแรกเตอร์ของ SF ที่เป็นคนทำงานแบบให้ใจอยู่แล้ว หรือเป็นคนแบบใจ ใจ ตรงกับที่เราอยากให้ค่าย JAI STUDIOS เป็นที่ที่คนมีฝันมาทำงานร่วมกัน ได้สร้างผลงานดีๆ ออกมาให้คนดู และอยากให้คนดูสัมผัสได้ถึงความตั้งใจในการทำหนังของเรา”
คุณมิ้นท์ เล่าว่าการทำค่ายหนัง ถือเป็นงานที่มีความท้าทาย เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน เมื่อต้องมารับผิดชอบโปรเจกต์นี้ จึงต้องเริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตั้งแต่เข้าคลาสเรียนเขียนบท ซึ่งไม่ได้มีเป้าหมายว่าต้องมาเขียนบทหนังเอง แต่เรียนเพื่อให้รู้และเข้าใจ “บทหนัง” ที่ถือเป็นหัวใจของหนัง หากไม่เข้าใจบทหนังทั้งหมด ก็อาจไปต่อไม่ได้ เป็นการเรียนเพื่อให้รู้ว่าในหนัง พูดคุยภาษาอะไร ต้องการสื่อถึงอะไร คิดอะไร และเข้าใจสิ่งที่ผู้กำกับกำลังนำเสนอ
การเปิดค่ายหนังของ SF ถือเป็นการเพิ่มจำนวนการทำคอนเทนต์ให้กับตลาดบันเทิง โมเดลการทำหนังของ JAI STUDIOS ช่วงแรกจะเน้นการร่วมทุนก่อน ทั้งพาร์ทเนอร์ที่มานำเสนอโปรเจกต์ รวมทั้งไอเดียทำหนังจาก JAI STUDIOS แล้วพัฒนาร่วมกับพาร์ทเนอร์ และโปรเจกต์ลงทุนเอง ความตั้งใจอยากทำให้ได้ปีละ 2-4 เรื่อง
โดยสนใจทำหนังทุกแนว แบบที่คนทำหนังอยากทำและได้มีโอกาสนำเสนอ แต่จะเน้นเรื่องคุณภาพและความเข้มข้นของเนื้อหา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญดึงคนออกมาดูในโรงหนังได้ ดังนั้นปริมาณไม่ใช่คำตอบของเรา
เรื่องแรก “วิมานหนาม” ร่วมทุน GDH
โปรเจกต์หนังเรื่องแรกของ JAI STUDIOS เป็นหนังร่วมทุนกับ GDH เรื่อง “วิมานหนาม” เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ถ่ายทอดเรื่องราวของความไม่เท่าเทียมสู่การแย่งชิงเพื่อครอบครองวิมานในฝัน
เป็นหนังที่นำเสนอความแปลกใหม่ เรื่องราวเกิดขึ้นจากบ้านพร้อมสวนทุเรียนที่ควรเป็น “วิมาน” ความรักของชายสองคน ถูกช่วงชิงไปด้วยกฎหมาย การขุด “หนาม” ในตัว เพื่อปกป้องและทำลาย จึงเริ่มต้นขึ้น เรียกว่านักแสดงแต่ละคนเล่าพาร์ทของคาแรกเตอร์ที่ตัวเองได้รับอย่างเข้มข้นทุกตัวละคร
“วิมานหนาม” นำแสดงโดย เจฟ ซาเตอร์, อิงฟ้า วราหะ, เต้ย-พงศกร เมตตาริกานนท์, เก่ง-หฤษฎ์ บัวย้อย, สีดา พัวพิมล และผู้กำกับ “บอส-นฤเบศ กูโน” พร้อมด้วยโปรดิวเซอร์มือรางวัล “วัน-วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์”
การทำงานร่วมกับ GDH ได้พูดคุยกันหลายโปรเจกต์ และมาลงตัวที่ “วิมานหนาม” จากผู้กำกับ “บอส-นฤเบศ” เป็นผู้กำกับที่น่าสนใจและมีพลัง เนื้อเรื่อง “วิมานหนาม” ชัดเจนว่ามีความเป็นตัวตน และคนทำหนังได้แรงบันดาลใจอย่างมากในการกล้าทำหนังแนว Dark ทั้งการกล้าเล่า กล้าฉีกแนวของ GDH
มองว่าแนวทางการทำหนังในยุคนี้ หนังที่มีความชัดเจนว่าทำมาเพื่อกลุ่มใด จะเป็นสิ่งที่สร้างอิมแพ็คความสนใจให้ตลาดได้ดี การทำหนังจึงต้องรู้ว่าจะเล่ากับใคร นอกจาก Start with Why ก็ต้อง Start with Who ด้วย “วิมานหนาม” เป็นหนังที่มาจากแรงบันดาลใจเรื่องความไม่เท่าเทียม จึงมีความชัดเจนของกลุ่มเป้าหมาย และเป็นเรื่องที่คนมีความรู้สึกร่วมได้มาก
“การทำหนังเรื่องแรกกับ GDH เป็นโอกาสที่ดี สิ่งที่เราคาดหวังหลังจากคนดูหนังวิมานหนามจบ ออกจากโรงแล้วบอกว่า หนังมีคุณภาพ ได้รับรู้ว่าคนทำหนังตั้งใจทำ สิ่งนี้คือจบแล้ว เพราะรู้ว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่สามารถทำได้ ส่วนที่เหลือเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้”
ความตั้งใจของ SF ในการเปิดค่ายหนัง JAI STUDIOS ต้องการเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้วงการภาพยนตร์ไทยแข็งแรงขึ้น เพราะอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยยังเติบโตได้อีกมาก เราเชื่อว่าคนรอดูหนังไทยที่มีคุณภาพ ไม่จำกัดว่าแนวไหน แต่ถ้าเป็นหนังที่ดี ตอบโจทย์คนดู คนก็พร้อมสนับสนุนแน่นอน จึงอยากให้ JAI STUDIOS เป็นค่ายหนังที่สนับสนุนหนังที่คนทำอยากทำและเป็นหนังที่คนดูอยากดู
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE