HomeBrand Move !!สำรวจอุตสาหกรรมภาพยนตร์ปี 2024 กวาดผู้ชม 36 ล้านคน ‘หนังไทย’ โกยเงินเพียบ

สำรวจอุตสาหกรรมภาพยนตร์ปี 2024 กวาดผู้ชม 36 ล้านคน ‘หนังไทย’ โกยเงินเพียบ

แชร์ :

ปี 2024 ภาพรวมธุรกิจโรงภาพยนตร์และอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั่วโลกยังคงเห็นการเติบโต แม้แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งขยายตัวอย่างรวดเร็วและเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมภาพยนตร์มากขึ้น

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

แต่จากผลสำรวจพฤติกรรมการชมภาพยนตร์ของลูกค้าที่มาดูหนังที่ในโรงภาพยนตร์ พบว่าแพลตฟอร์มวีดีโอสตรีมมิ่งไม่มีผลต่อการดูหนังในโรงภาพยนตร์ เพราะลูกค้ารู้สึกถึงความแตกต่างจากการชมผ่านช่องทางอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพ เสียง หรือบรรยากาศ

สอดคล้องกับรายได้ของภาพยนตร์ ที่เข้าฉายในปี 2024 พบว่ามีภาพยนตร์รายได้ระดับ 100 ล้านบาทขึ้นไปหลายเรื่อง ทั้งฝั่งฮอลลีวูดและหนังไทย ดังนี้

หนังฮอลลีวูด (รายได้ทั่วโลก)

– Inside Out 2 ทำรายได้ 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

– Despicable Me 4 ทำรายได้ 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

– Godzilla x Kong: The New Empire ทำรายได้ 569 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

หนังไทยครึ่งปีแรก 2024

หลานม่า ทำรายได้ในประเทศไทย 320 ล้านบาท รายได้ในเอเชียรวมกัน 1,300 ล้านบาท

– พี่นาค 4 รายได้ 187 ล้านบาท

– อนงค์ รายได้ 155 ล้านบาท

– หอแต๋วแตก แหกสัปะหยด รายได้ 128 ล้านบาท

ครึ่งปีหลัง 2024 คาดการณ์หนังไทยทำรายได้สูงมี 4 เรื่องดังนี้

– ธี่หยด 2 รายได้ 1,000 ล้านบาท

– มานะแมน รายได้ 400 ล้านบาท

– วิมานหนาม รายได้ 300 ล้านบาท

– Taklee Genesis (ตาคลี เจเนซิส) รายได้ 200 ล้านบาท

จากผลสำรวจและรายได้หนังที่เข้าในปี 2024 สะท้อนว่าหลังจากสถานการณ์โควิด คนเริ่มกลับมาดูหนังในโรงภาพยนตร์มากขึ้น เห็นได้จากตัวเลขคนดูหนังในปี 2023 ซึ่งเป็นช่วงหลังสถานการณ์โควิดมีคนดูหนังจำนวน 36 ล้านคน หรือคิดเป็น 90% เทียบกับในปี 2019 ก่อนโควิด ซึ่งมีจำนวน 40 ล้านคน

คาดการณ์ปี 2024 จำนวนผู้ชมหนังอยู่ที่ 36 ล้านคน และในปี 2025 เพิ่มขึ้นเป็น 43 ล้านคน (ตัวเลขสูงกว่าโควิด)

ส่วนแบ่งผู้ชมหนังฮอลลีวูดVSหนังไทย

– หนังไทย : ปี 2023 สัดส่วน 60% ปี 2024 สัดส่วน 65% ปี 2025 สัดส่วน 50%

– หนังฮอลลีวูด : ปี 2023 สัดส่วน 40% ปี 2024 สัดส่วน 35% ปี 2025 สัดส่วน 50%

ปี 2025 เริ่มมีหนังฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวูดเข้ามามากขึ้น ทำให้สัดส่วนเพิ่มขึ้นมาเป็น 50% โดยเฉพาะช่วงเดือน พ.ค.-ก.ค. และ ต.ค.-ธ.ค. เป็นช่วงไฮซีซั่นที่จะมีหนังฮอลลีวูดฟอร์มใหญ่เข้าฉาย เช่น Folie à Deux , Wicked , Gladiator , Avatar 3 และแอนนิเมชันอย่าง Zootopia คาดว่าช่วง 6 เดือนนี้น่าจะมีคนดูหนังในโรงภาพยนตร์เพิ่มมากขึ้น เฉลี่ยเดือนละ 5 ล้านคน

เทรนด์สื่อโฆษณาโรงหนังมาแรง

คุณไบรอัน ฮอลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็กซ์เซกคิวทีฟ ซีนิม่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้บริหารโรงภาพยนตร์เอ็มบาสซี ดิโพลแมท สกรีน กล่าวว่าจากการสรุปตัวเลขต่างๆ ในปีนี้ เห็นได้ว่าอุตสหกรรมภาพยนตร์กลับมาเติบโตอีกครั้ง ทั้งในแง่รายได้และคนดู ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ “สื่อโฆษณา” ในโรงภาพยนตร์ ได้รับความสนใจใช้เป็นกลยุทธ์สร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าผ่านสื่อโฆษณาแบบ 360 องศา เพื่อสร้างแบรนด์ตอบโจทย์ลูกค้าทุกเซกเมนต์ จาก 3 ปัจจัยหลัก

1. สื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์ มีไลน์อัพหนังฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวูดและหนังไทยที่ทยอยเข้าฉายอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งคอนเทนต์ทางเลือกที่ไม่ใช่ภาพยนตร์ (Alternative Content) ด้วยความหลากหลายของคอนเทนต์ครอบคลุมทั้งตลาด Mass และตลาด Localization ส่งผลให้จำนวนคนชมภาพยนตร์จะเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก

2. การทำ CRM Program ด้วยกลยุทธ์ “เนมมิ่ง สปอนเซอร์” (Naming Sponsor) โรงภาพยนตร์ เพื่อช่วยให้แบรนด์ใกล้ชิดกับกลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบความบันเทิงนอกบ้าน พร้อมมอบประสบการณ์ให้กับลูกค้า และสร้างเอนเกจเม้นต์ได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันสปอนเซอร์หลักของ Embassy Diplomat Screen ได้แก่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงเทพ  เครื่องดื่มตราช้าง

3. Campaign Promotion โรงภาพยนตร์มีฐานลูกค้าประจำ Member มากกว่า 2,000 รายต่อปี ที่เป็นลูกค้า Heavy User ที่ดูหนังไม่น้อยกว่า 4 ครั้งต่อเดือน โดยสามารถสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยมุ่งเน้นสร้าง Brand Awareness ให้เข้าไปอยู่ในใจกลุ่มเป้าหมาย

“สื่อโฆษณาโรงภาพยนตร์” จึงถือเป็นเครื่องมือการตลาดที่สื่อสารได้แบบ 360 องศา ไม่ว่าจะเป็น สื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์ ป้ายโฆษณาแบบ Digital Signage ในพื้นที่โรงภาพยนตร์ สื่อโซเชียลมีเดียในเครือที่มีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก การทำ CRM Program ทำ Packaging Sponsorship Strategy เพื่อสื่อสารกับลูกค้าผ่าน Packaging popcorn และกิจกรรมการตลาด On ground Marketing เพื่อให้ลูกค้ามีประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like