Trip.com Group ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวยักษ์ใหญ่ เจ้าของบริการ Trip.com, CTrip.com, Skyscanner และ Qunar เปิดอินไซต์สื่งที่นักท่องเที่ยวจีนมองหาจากการท่องเที่ยว พบ 5 พฤติกรรมหลัก “ชอปปิง-ชิมอาหาร-สัมผัสวัฒนธรรม-กิจกรรมกลางแจ้ง-ถ่ายภาพ“ คือเป้าหมายหลักในการเที่ยวไทย
สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยที่กำลังคาดหวังการใช้จ่ายจากแดนมังกรมาพลิกฟื้นธุรกิจ ข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพบว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศ ประมาณ 3.44 ล้านคน ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีประมาณ 1.44 ล้านคน
ทั้งนี้ ในด้านความสนใจของนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวเมืองไทยนั้น เมื่อเจาะลึกลงไปแล้วพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมท้องถิ่นอยู่พอสมควร โดยข้อมูลจาก Trip.com Group ระบุว่า สิ่งที่นักท่องเที่ยวจีนมองหาจากประเทศไทยนั้นประกอบด้วย 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ “ชอปปิง-ชิมอาหาร-สัมผัสวัฒนธรรม-กิจกรรมกลางแจ้ง-ถ่ายภาพ“ ซึ่งในแง่ของการชอปปิง นักท่องเที่ยวจีนมักชอบซื้อสินค้าท้องถิ่นและแบรนด์ต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าความงามและแฟชั่น และสนใจเข้าชมวัดหรือสถานที่ทางประวัติศาสตร์ เช่น วัดพระแก้ว วัดอรุณ ตลอดจนย่านเมืองเก่าในเชียงใหม่
ในส่วนของอาหาร พบว่าเมนูที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมคือ ต้มยำกุ้ง และผัดไทย โดยพวกเขาชอบไปรับประทานตามร้านอาหารที่มีชื่อเสียง รวมถึงร้านอาหารท้องถิ่นชื่อดังด้วย
ส่วนกิจกรรมกลางแจ้ง ที่นักท่องเที่ยวจีนสนใจคือการไปเที่ยวชายหาดหรือทำกิจกรรมทางน้ำ เช่น ดำน้ำหรือเล่นน้ำที่เกาะภูเก็ต และสุดท้ายคือการถ่ายภาพเพื่อแชร์ในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในสถานที่สวยงามและแลนด์มาร์คต่าง ๆ
8 อินไซต์ รูปแบบการท่องเที่ยวของจีนในปัจจุบัน
ไม่เพียงเผยความสนใจในการท่องเที่ยวของคนจีน แต่ Trip.com Group ยังเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับรูปแบบการเดินทางมายังประเทศไทยของนักท่องเที่ยวชาวจีนในปัจจุบันด้วยว่า มีจุดเด่น 8 ประการดังนี้
1. การเดินทางท่องเที่ยวแบบอิสระ
นักท่องเที่ยวชาวจีนเริ่มนิยมการวางแผนการเดินทางด้วยตนเองมากขึ้น โดยเลือกเส้นทางและกิจกรรมที่ตรงกับความสนใจของตัวเอง
2. ต้องการสัมผัสวัฒนธรรม
นักท่องเที่ยวจีนมีความสนใจในการเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมไทย เช่น การทำอาหารไทย การเข้าชมงานเทศกาลท้องถิ่น หรือการเยี่ยมชมสถานที่ประวัติศาสตร์
3. การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
นักท่องเที่ยวจีนมักมองหาประสบการณ์ด้านสุขภาพ เช่น สปา การทำโยคะ และโปรแกรมฟื้นฟูร่างกาย เพื่อการผ่อนคลายและดูแลสุขภาพ
4. สนใจกิจกรรมกลางแจ้ง
ความนิยมในการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การเดินป่า ดำน้ำ และสำรวจธรรมชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่เช่น เชียงใหม่และกระบี่
5. การเดินทางสำหรับครอบครัว
การเดินทางแบบครอบครัวกำลังเป็นที่นิยม โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับทุกวัย เช่น สวนสนุก สวนสัตว์ ฯลฯ
6. ให้ความสำคัญกับโซเชียลมีเดีย
นักท่องเที่ยวมักมองหาสถานที่ที่สวยงามและเหมาะแก่การถ่ายภาพเพื่อแชร์ในโซเชียลมีเดีย โดยการดูรีวิวจาก influencer ต่าง ๆ เพื่อประกอบเป็นข้อมูลในการเดินทาง
7. ใช้เทคโนโลยีช่วยวางแผนการท่องเที่ยว
การใช้แอปพลิเคชันในการจอง สำหรับการวางแผนและจองบริการต่าง ๆ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเป็น จองโรงแรม จองตั๋วเครื่องบิน จองรถไฟ ซื้อตั๋วเข้าสถานที่ท่องเที่ยว ฯลฯ
8. การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ข้อสุดท้ายที่ Trip.com Group ให้ทัศนะว่านักท่องเที่ยวชาวจีนให้ความสำคัญคือประเด็นเรื่องการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การเลือกที่พักที่รักษ์โลก การสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น ฯลฯ ให้มากขึ้น
สำหรับผู้ประกอบการไทยที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวจีน อินไซต์ทั้ง 8 ข้อนี้อาจเป็นแนวทางในการปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยว และอาจเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่เชื่อมโยงวัฒนธรรมไทยเข้ากับเทรนด์การท่องเที่ยวนี้ก็เป็นได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถสร้างความประทับใจแก่กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนได้อย่างยั่งยืนในระยะยาวด้วยนั่นเอง