HomeBrand Move !!AOTGA ผนึก  กรมศุลฯ ลงทุน 150 ล้าน เปิด “ศูนย์มัลติโมดอล”  เชื่อมขนส่งทั้งทาง “บก-ราง-น้ำ-อากาศ” ผ่านด่านศุลกากรจบในจุดเดียว ดันไทยเป็น HUB ขนส่ง CLMV 

AOTGA ผนึก  กรมศุลฯ ลงทุน 150 ล้าน เปิด “ศูนย์มัลติโมดอล”  เชื่อมขนส่งทั้งทาง “บก-ราง-น้ำ-อากาศ” ผ่านด่านศุลกากรจบในจุดเดียว ดันไทยเป็น HUB ขนส่ง CLMV 

แชร์ :

ปีที่ผ่านมา “โลจิสติกส์” ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่ง 1 ใน 10  ธุรกิจดาวรุ่งมาแรงแห่งปี แน่นอนการเติบโตดังกล่าวทำให้หลายหน่วยงาน ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องต่างเร่งออกมาปรับทัพ  พร้อมทั้งเสริมขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านต่างๆ เพื่อรองรับแนวโน้มอันสดใสของธุรกิจทั่วโลก

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับการเติบโตดังกล่าว บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด (บพท.) หรือ AOTGA  จึงได้ ร่วมกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT และกรมศุลกากร เปิดตัว ‘ศูนย์บริการศุลกากรเพื่อกระจายสินค้า’ หรือ ‘Multimodal Transportation Center’ ศูนย์บริการขนส่งสินค้าผ่านแดนครบวงจร ด้วยงบลงทุนกว่า 150 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 4,872 ตารางเมตร ศูนย์มัลติโมดอลจะรองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ พร้อมดำเนินพิธีการศุลกากรได้เบ็ดเสร็จในที่เดียว ณ เขตปลอดอากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (โซน 3) เป็นครั้งแรกในไทย

การจัดตั้ง ‘ศูนย์บริการศุลกากรเพื่อกระจายสินค้า’ หรือ ‘Multimodal Transportation Center’ ณ เขตปลอดอากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  จัดตั้งขึ้นตามประกาศกรมศุลกากร ที่ 115/2564 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า และเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค ซึ่งนับเป็นความร่วมมือที่จะช่วยสนับสนุนกระบวนการนำเข้าและส่งออกสินค้าให้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน ช่วยลดขั้นตอนและระยะเวลาในการดำเนินพิธีการทางศุลกากร ทำให้ Ecosystem มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งกรมศุลกากรมีความยินดีให้การสนับสนุนภาคเอกชนและตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าในระดับภูมิภาค

 

 

คุณสิริวัฒน์ โตวชิรกุล ผู้จัดการใหญ่ บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด (บพท.) หรือ AOTGA (ออทก้า) ผู้ให้บริการภาคพื้นท่าอากาศยาน และบริการคลังสินค้าในท่าอากาศยาน (Cargo Terminal) เปิดเผยว่า AOTGA ได้เปิดตัว ‘ศูนย์บริการศุลกากรเพื่อกระจายสินค้า’ หรือ ‘Multimodal Transportation Center’ ณ เขตปลอดอากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (โซน 3) จากที่กรมศุลกากรได้อนุญาตให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เป็นผู้จัดตั้ง ศูนย์บริการศุลกากรเพื่อกระจายสินค้า และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้มอบหมายให้ บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด หรือ บพท. เป็นผู้ดำเนินการศูนย์บริการศุลกากรเพื่อกระจายสินค้า 

 

พลิกโฉมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทย พร้อมเดินหน้าสู่ฮับกลุ่มประเทศ CLMV

นับเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทยอย่างไม่เคยมีมาก่อน ชูจุดเด่น ผนวกรูปแบบการขนส่งทุกประเภท ทั้งทางบก ราง น้ำ อากาศ การรวมตู้สินค้า และการเก็บรักษา พร้อมดำเนินพิธีการทางศุลกากรเบ็ดเสร็จในจุดเดียว สร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ หนุนการเติบโตของ E-Commerce ยกระดับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคอย่างแท้จริง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นจากการมุ่งเน้นใช้ประเทศไทยเป็น HUB ในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว  เมียนมา) โดยจะโฟกัสไปยังกลุ่มสินค้า (E-Commerce) เป็นหลัก เนื่องจากเทรนด์การเติบโตของการบินและเครือข่ายการบินที่เชื่อมโยงสู่ทวีปอื่นๆ นอกจากนี้ยังได้จับมือ 3 ยักษ์ใหญ่ ได้แก่ FedEx, DHL และ AGS ในการสร้างการเติบโตร่วมกัน

 

 

สำหรับศูนย์  ‘Multimodal Transportation Center’ แห่งนี้ สามารถรองรับสามารถรองรับปริมาณการขนส่งได้กว่า 50,000 ตันต่อปี ซึ่งจะเป็นการช่วยยกระดับอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ของไทยสู่การเป็น Aviation Hub ของภูมิภาคในอนาคต โดยภายในแบ่งเป็นพื้นที่ให้บริการ 2 ส่วน ได้แก่

  1. Fixed Area พื้นที่สำหรับผู้ประกอบการขนส่งภาคเอกชนที่เป็นผู้ร่วมประกอบกิจการศูนย์บริการศุลกากรเพื่อกระจายสินค้า
  2. Public Area พื้นที่ที่ทาง AOTGA ให้บริการเอง

ทั้งนี้ตั้งเป้าให้บริการกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการขนส่งทั้งในและต่างประเทศที่เป็นตัวแทนในการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Freight Forwarder) และ ผู้ประกอบการของเร่งด่วน (Express Consignment) โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นจากการมุ่งเน้นใช้ประเทศไทยเป็น HUB ในกลุ่มประเทศ CLMV  

โดยจะโฟกัสไปยังกลุ่มสินค้า E-Commerce จากปัจจัยเกื้อหนุนด้านการบิน และเครือข่ายการบินที่เชื่อมโยงสู่ทวีปอื่นๆ โดยเฉพาะทวีปยุโรป นอกจากนี้ AOTGA ยังได้นำนวัตกรรมที่ทันสมัยมาให้บริการในศูนย์บริการศุลกากรเพื่อกระจายสินค้า อาทิ ระบบติดตามทางศุลกากรจากด่านศุลกากรมายังศูนย์บริการศุลกากรเพื่อกระจายสินค้าด้วยระบบกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ (E-lock System) และระบบควบคุมสินค้าคงคลัง (E-Inventory)

การเปิดตัว ‘Multimodal Transportation Center’ ในครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่สร้างรายได้ให้แก่ AOTGA  ได้เป็นอย่างดี โดยคาดการณ์ว่าหลังการเปิดใช้งานอย่างเต็มรูปจะสามารถสร้างรายได้ให้ในปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 80 ล้านบาท และเติบโตเฉลี่ย10-15% ต่อปีในระยะยาว ส่วนรายได้รวมของ AOTGA  ในสิ้นปีนี้ (ตุลาคม 2566-กันยายน 257) คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท  แบ่งเป็นรายได้จากการให้บริการภาคพื้นดินอยู่ 2,500 ล้านบาท และบริการทำความสะอาด อาทิ ห้องน้ำ พื้นสนามบิน อยู่ที่ 500 ล้านบาท ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 3,800-3,900 ล้านบาทในปี 2568 ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของบริการภาคพื้นในสนามบินภูเก็ต หลังมีเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้นจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวเข้าช่วงไฮซีซั่น บวกกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากภาครัฐ 

ด้านคุณพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี กรมศุลกากร เผยว่า การจัดตั้ง ‘ศูนย์บริการศุลกากรเพื่อกระจายสินค้า’ หรือ ‘Multimodal Transportation Center’ ณ เขตปลอดอากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินี้ จัดตั้งขึ้นตามประกาศกรมศุลกากร ที่ 115/2564 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า และเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค พร้อมเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน ช่วยลดขั้นตอนและระยะเวลาในการดำเนินพิธีการทางศุลกากร ทำให้ Ecosystem มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งกรมศุลกากรมีความยินดีให้การสนับสนุนภาคเอกชนและตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าในระดับภูมิภาคต่อไป

 

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like