ท่ามกลางกระแสการปิดตัวลงของ “บิ๊กซี” สาขาต่างๆ ที่กำลังทยอยปิดตัวลง หลังจากหมดสัญญาเช่าพื้นที่ ตั้งแต่ บิ๊กซี สาขาสุขาภิบาล 3-2 (แยกบ้านม้า) โดยจะเปิดให้บริการวันสุดท้าย 15 ก.ย. นี้ และบิ๊กซี สาขารังสิต 2 (ใกล้กับตลาดสี่มุมเมือง) ที่จะเปิดให้บริการวันสุดท้าย 30 ก.ย. นี้ เช่นกัน
ส่วน บิ๊กซี สาขาราษฎร์บูรณะ จะเปิดให้บริการวันสุดท้าย 31 ต.ค. นี้ หลังจากนั้นจะย้ายไปยังทำเลใหม่ที่ใกล้เคียง เป็นทำเลทองติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นที่ดิน Freehold ในกลุ่ม บีเจซี บิ๊กซี โดยคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2568
โดยบิ๊กซีได้มีนโยบายดูแลพนักงาน ทุกคน รวมถึงสามารถโอนย้ายไปทำงานได้ที่บิ๊กซีสาขาใกล้เคียง หรือที่ภูมิลำเนาของพนักงานตามสมัครใจ ส่วนร้านค้าเช่า ได้มีการเจรจาตกลงร่วมกันกับทางผู้เช่า โดยได้ดูแลและจัดหาพื้นที่เพื่อไปเปิดในสาขาอื่นๆ ของบิ๊กซีทั่วประเทศ
ในอีกมุมหนึ่งกลับเห็นการจัดทัพใหม่ของอาณาจักรค้าปลีกรายนี้ ด้วยการเดินหน้าพลิกโฉมพร้อมทั้งรีโนเวทสาขารูปแบบใหม่ จำนวน 18 สาขาทั่วประเทศ จะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2567 นี้ พร้อมขยายเปิดสาขาเพิ่ม 3 สาขาในรูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ต ภายในปี 2568 และมีการขยายเปิดสาขาบิ๊กซีมินิอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่
คุณอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ปี 2567 บิ๊กซี ทุ่มงบ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบรีโนเวทจำนวน 18 สาขา ภายใต้งบประมาณกว่า 1,700 ล้านบาท และส่วนที่เหลือสำหรับเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 1 สาขา ภายในปี 2567
นอกจากนี้วางแผนขยายเพิ่ม 3 สาขาภายในสิ้นปี 2568 และจะขยายสาขาบิ๊กซีมินิอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบัน ที่ “บิ๊กซี” มีสาขาทั้งสิ้นกว่า 1,800 สาขา ในไทยและยังขยายไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งในฮ่องกง กัมพูชา ลาว และเวียดนาม
การปรับเปลี่ยนดังกล่าวเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ลูกค้ายุคใหม่ที่เปลี่ยนไป ที่ไม่ใช่แค่มาเดินซื้อของอย่างเดียวแต่ยังต้องการพื้นที่แฮงเอาต์และพักผ่อน รวมถึงเพื่อเป็นพื้นที่ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้กับลูกค้าบิ๊กซีเพิ่มมากขึ้น”คุณอัศวิน กล่าว
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE