HomeBrand Move !!ส่องขุมกำลัง “KCG Logistics Park” จิ๊กซอว์ใหม่ “เคซีจี” ดึง “โลจิสติกส์” เสริมแกร่งธุรกิจ สู่บริษัทหมื่นล้านใน 3 ปี

ส่องขุมกำลัง “KCG Logistics Park” จิ๊กซอว์ใหม่ “เคซีจี” ดึง “โลจิสติกส์” เสริมแกร่งธุรกิจ สู่บริษัทหมื่นล้านใน 3 ปี

แชร์ :

โลจิสติกส์ (Logistics) หนึ่งในองค์ประกอบที่มีส่วนสำคัญต่อการสร้างการเติบโตให้กับการดำเนินธุรกิจในโลกยุคปัจจุบัน เพราะหากมีการจัดการระบบ Supply Chain ที่ดี นั่นเท่ากับว่าสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG ที่คนไทยคุ้นเคยกันดีในนามเจ้าของคุ๊กกี้กล่องแดงของขวัญปีใหม่ในตำนานอย่าง “อิมพีเรียล” ตลอดจนผลิตภัณฑ์ชีส-เนยชื่อดังอย่าง อลาวรี่  แดรี่โกลด์ ฯลฯ  คืออีกหนึ่งบริษัทที่หันมาพัฒนาระบบ โลจิสติกส์ (Logistics) เพื่อเสริมแกร่งธุรกิจทั้งระบบ ด้วยการเปิด “KCG Logistics Park”  บนพื้นที่กว่า 15 ไร่ กับเงินลงทุนกว่า 350 ล้านบาท ที่จังหวัดสมุทรปราการ

คุณดำรงชัย วิภาวัฒนกุล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาเราสามารถสร้างการเติบโตด้วยยอดขายรวมปีที่ผ่านมากว่า 7,157.0 ล้านบาท เติบโต 16.2% มีกำไรสุทธิ 305.9 ล้านบาท เติบโต 26.9% ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 65 ปี

 

คุณดำรงชัย วิภาวัฒนกุล

คุณดำรงชัย วิภาวัฒนกุล

 

การเติบโตที่สวนทางเศรษฐกิจนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการระบบ Supply Chain อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะภายหลังการเปิด KCG Logistics Park  แล้วจะกลายมาเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของบริษัท ผ่านจุดแข็งอย่าง Co-Chain Logistics ที่ทางค่ายถนัดมาเป็นส่วนเสริมสำคัญ อีกทั้งยังจะกลายมาเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นใหม่ในการเสริมแกร่งการเติบโตให้แก่บริษัท ด้วยจำนวนพื้นที่กว่า 15 ไร่ ประกอบด้วย 6 อาคาร แบ่งการจัดเก็บอุณหภูมิออกเป็น 4 ประเภท ตั้งแต่ 0 องศาซียลเซียส ถึงติดลบ 25 องศาเซียลเซียส  มีพื้นที่จัดเก็บจำนวนกว่า 12,000 ตารางเมตร รองรับพาเลทรวมสูงสุดได้ 14,000 พาเลท

โดย  “KCG Logistics Park” จะทำงานร่วมกับ 3  ศูนย์กระจายสินค้าเดิมของบริษัท ได้แก่  เชียงใหม่ ขอนแก่น และสุราษฎร์ธานี ทั้งหมดจะช่วยเสริมแกร่งซึ่งกันและกัน ครอบคลุมการให้บริการทั้ง 76 จังหวัด จนสามารถส่งมอบสินค้าถึงมือผู้บริโภคได้  ภายใน 1 วัน และเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง และกลายมาเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันป้าหมายโต 10,000 ล้านบาทในอีก 3-5 ปีข้างหน้า

 

เปิดจุดแข็ง “KCG Logistics Park”  จิ๊กซอว์ชิ้นใหม่ที่จะมาเสริมแกร่งรายได้ระดับหมื่นล้าน

เมื่อ KCG วางให้ “KCG Logistics Park” เป็นอีกหนึ่งคีย์สำคัญในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานเพื่อผลักดันรายได้แล้ว การดึงเอาเทคโนโลยีและระบบการบริการจัดการที่ยั่งยืนมาใช้จึงเป็นเรื่องจำที่ขาดไม่ได้ โดยภายใน KCG Logistics Park ได้มีการนำเทคโนโลยีที่ใช้ในการบริหารและจัดการภายใน และระบบการจัดการคลังสินค้า ไม่ว่าจะเป็น ระบบบริหารจัดการการขนส่ง ระบบคลังสินค้าพร้อมจัดส่ง ระบบจัดเก็บคลังสินค้ากึ่งอัตโนมัติ หรือ ชั้นวางระบบกระสวย ตลอดจนระบบติดตามยานพาหนะแบบเรียลไทม์ (GPS Tracking System)

 

และยังมุ่งสร้างความยั่งยืน ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ด้วยการนำระบบ Backhual Matching เป็นการปรับเส้นทางเดินรถ เพื่อไม่ให้ตีรถเปล่ากลับเข้าศูนย์ฯ เพื่อลดต้นทุน ลดการใช้เชื้อเพลิง และลดการปล่อยมลพิษ การใช้รถบรรทุกไฟฟ้า โดยตั้งเป้าเป็นรถ EV 30% ของจำนวนรถทั้งหมดภายใน 3 ปี  แถมการจัดส่งภายในยังใช้รถโฟล์คลิฟที่ใช้แบตเตอรี่ลิเทียม

นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ภายใน KCG Logistics Park  และโรงงานบางพลี รวมถึงศูนย์กระจายสินค้าของบริษัททั้ง 3 แห่ง ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น และสุราษฎร์ธานี  ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณปีละ 1,400 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าได้กับการปลูกต้นไม้กว่า 120,000 ต้น และจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าประมาณปีละ 10 ล้านบาท

“KCG Logistics Park” จะช่วยเราประหยัดต้นทุนค่าเช่า และการใช้จ่ายต่างๆ ภายนอกได้ถึงปีละ 50 ล้านบาท โดยจะเริ่มเห็นชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 3 นี้ เป็นต้นไปกับการเติบโตที่เพิ่มขึ้น หลังผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 มีกำไรที่เติบโตสูงมากถึง 86.3% ” คุณดำรงชัย วิภาวัฒนกุลกล่าว

 

ส่อง 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์เรือธง ที่สร้างการเติบโตทุกพอร์ตฟอลิโอ

นแง่มุมผลิตภัณฑ์แน่นอน KCG มีโปรดักต์หลากหลายกลุ่มมากกว่า 2,000 รายการภายใต้ 50 แบรนด์ โดยมี ‘ซันควิก’ น้ำผลไม้เข้มข้นที่มีเป็นหนึ่งในแบรนด์ขายดีด้วยยอดขายในไทยกว่า 800,000 ขวดต่อปี จนเป็นส่วนสำคัญในการสร้างการเติบโต โดยไตรมาส 2 ประจำปี 2567 ที่ผ่านมามีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง มียอดขายรวม 1,688.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.2% และ มีกำไรสุทธิ 94.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86.3%

โดยสินค้าในทุกพอร์ตฟอลิโอมีการเติบโต โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม (Dairy Products) มียอดขาย 1,022.6 ล้านบาท (ไตรมาส 2) คิดเป็นสัดส่วน 60.6% ถือเป็นยอดขายอันดับ 1 ในตลาด ส่วนตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับประกอบอาหารและเบเกอรี่ รวมทั้งตลาดบิสกิต ก็ทำยอดขายสูงสุดติด 5 อันดับแรกเช่นกัน

  • ผลิตภัณฑ์ประเภทนม (Dairy Products) ภายใต้แบรนด์ ‘อลาวรี่’ ‘อิมพีเรียล’ ‘แดรี่โกลด์’ และอื่นๆ มียอดขายสัดส่วน 60% หรือมียอดขาย 4,086.5 ล้านบาท เติบโต 15.0%
  • ตามมาด้วยผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการประกอบอาหารและเบเกอรี่ (Food & Bakery Ingredients – FBI) เจาะทั้งตลาดโมเดิร์นเทรด ร้านค้าทั่วไป ร้านอาหาร โรงแรม (Food Service) และโรงงานอุตสาหกรรม สร้างยอดขายสัดส่วน 28% มีรายได้ 2,061.1 ล้านบาท เติบโต 15.3%
  • และผลิตภัณฑ์บิสกิต แครกเกอร์ เวเฟอร์ และเยลลี่ (Biscuits) ภายใต้แบรนด์ ‘อิมพีเรียล’ และอื่นๆ มียอดขายสัดส่วน 10% มีรายได้ 1,009.3 ล้านบาท เติบโต 23.9%
  • นอกจากนี้ยังมีรายได้จาก B2C ราว 3,938.6 ล้านบาท โตถึง 17.7% ตามมาด้วย B2B รายได้ราวๆ 2,892.7 ล้านบาท และยอดส่งออกที่ตอนนี้ยังน้อยอยู่ ประมาณ 325.7 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามเพื่อให้บรรลุรายได้ 10,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย 3-5 ปีอย่างมั่นคง KCG ยังมองโอกาสในตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติม จากปัจจุบันที่ KCG ออกไปทำตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV ตลอดจนมาเลเซีย ญี่ปุ่นอยู่ก่อนแล้ว

คุณดำรงชัย กล่าวว่า ในส่วนของตลาดต่างประเทศนอกจากที่เราทำตลาดอยู่แล้ว อีกกลุ่มประเทศที่เราสนใจคือ ประเทศในกลุ่มทวีปแอฟริกาตอนใต้ และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เนื่องมาจากมีกำลังซื้อและแนวโน้มในการเติบโตที่สูง เบื้องต้นขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณาการขยายตลาด

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like