คุณวาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย
ลาซาด้า ประเทศไทย เผยภาพรวมความสำเร็จ “กำไรทั้งกรุ๊ปครั้งแรก” ในประวัติศาสตร์ (ในหกประเทศที่เปิดให้บริการ) โดยมีไทยและเวียดนามเป็นหัวหอกสำคัญ พร้อมเปิดเทรนด์ Gen Z รับจบ สั่งสินค้าให้ทุกคนในบ้าน ด้านซีอีโอชู 3 กลยุทธ์ครึ่งปีหลัง “ขยายฐานนักช้อปขาประจำกลุ่มสินค้าพรีเมียม-แฟชัน-ความงาม, เสริมแกร่งด้วย AI และสนับสนุน SME ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน”
คุณวาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า “ความแข็งแกร่งของลาซาด้า กรุ๊ป สะท้อนได้จากสถานะ EBITDA ของการดำเนินธุรกิจใน 6 ประเทศที่มีผลเป็นบวกเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ความสำเร็จดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงการก้าวสู่ยุคใหม่ของอีคอมเมิร์ซ ซึ่งให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพและความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจ มากกว่าการบรรลุเป้าหมายในระยะสั้น”
ไทย-เวียดนาม โตแข็งแกร่ง
สำหรับการเติบโตของลาซาด้าในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีหลายปัจจัยที่นำไปสู่การทำกำไรได้ในทุกประเทศพร้อมกัน (ตัวเลขเมื่อเดือนกรกฎาคม 2024) โดยหนึ่งในนั้นคือการเติบโตของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และประเทศไทยพบว่ามีการเติบโตสูงถึง 20% ซึ่งเหนือกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค
นอกจากนั้น ไทยยังมีโครงสร้างพื้นฐานด้าน Payment ที่แข็งแกร่ง และคนไทยมีความสามารถด้านเทคโนโลยีที่สูง ทำให้มีการใช้งานแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสูงตามไปด้วย
ทั้งนี้ มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (เรียงจากมากไปน้อย) พบว่า อินโดนีเซียยังคงเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงที่สุด แต่ผู้บริหารลาซาด้า เผยว่า ไทยและเวียดนามมีอัตราการเติบโตที่เหนือกว่า โดยตัวเลขของแต่ละประเทศพบว่ามีดังต่อไปนี้
- อินโดนีเซีย 2.73 ล้านล้านบาท
- ไทย 9.8 แสนล้านบาท
- เวียดนาม 7แสนล้านบาท
- ฟิลิปปินส์ 7 แสนล้านบาท
- มาเลเซีย 5.6 แสนล้านบาท
- สิงคโปร์ 3.5 แสนล้านบาท
Gen Z กับอำนาจการจับจ่ายที่เพิ่มขึ้น
คุณวาริสสา กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า พบความเปลี่ยนแปลงด้านการจับจ่าย โดยสินค้าราคาสูงใน LazMall ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ขณะที่เทรนด์การสั่งซื้อสินค้าล่าสุดของไทยนั้น พบว่า Gen Z ไทยมีการใช้แพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้สินค้ากลุ่ม Beauty และแฟชั่นมีการเติบโตสูง และ 35% ของ Gen Z เป็นผู้รับจบ สั่งสินค้าให้ทุกคนในบ้าน พร้อมอธิบายถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ว่า มาจาก data ที่แสดงให้เห็นว่า Gen Z มีการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น แตกต่างจากในอดีตที่มักซื้อสินค้ากลุ่มบิวตี้ แฟชั่นเป็นหลัก
เปิด 3 กลยุทธ์ขยายตลาด 2024
สำหรับการเติบโตของแพลตฟอร์มในอนาคต ลาซาด้าเผยว่ามี 3 กลยุทธ์ นั่นคือ การขยายฐานนักช้อปขาประจำในเซ็กเมนต์สินค้าพรีเมียม-แฟชัน-ความงาม, เสริมแกร่งด้วย AI และสนับสนุน SME ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนผ่านเครื่องมือต่าง ๆ ของแพลตฟอร์ม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่อย่างอาลีบาบา โดยแบ่งออกได้ดังนี้
ยกระดับประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคล
เพื่อตอบรับการขยายตัวของกลุ่มนักช้อปหญิงและบทบาทที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z ลาซาด้า เดินหน้ากลยุทธ์เพิ่มประสบการณ์การช้อปที่แตกต่าง ภายใต้แนวคิด “Customer-First” เน้นการตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลได้ดียิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มอัตราการซื้อซ้ำและความเหนียวแน่นของนักช้อป โดยสร้างความแตกต่างในหมวดหมู่สินค้าพรีเมียม แฟชัน และความงาม ซึ่งเป็นจุดแข็งของแพลตฟอร์ม เห็นได้จากยอดขายรวมของ LazMall ในช่วงเมกะแคมเปญ ซึ่งก้าวกระโดดมากกว่า 7 เท่า เมื่อเทียบกับวันปกติ ในขณะที่ LazBEAUTY มีจำนวนสมาชิกในไทยกว่า 1 ล้านราย
ในโค้งสุดท้ายของปี 2024 ลาซาด้า จะเสริมความแข็งแกร่งของ LazMall ผ่านการขยายพันธมิตรแบรนด์เอ็กซ์คลูซีฟ และรุกเซ็กเมนต์สินค้าลักชูรี ผ่านหมวดสินค้า LazMall Premium Brand นอกจากนี้ ยังตอกย้ำ LazLOOK ในฐานะจุดหมายสินค้าแฟชัน ผ่านแคมเปญรายสัปดาห์ที่จะเข้ามาสร้างความตื่นเต้นและสีสันให้แก่นักช้อปอย่างต่อเนื่อง
ลงทุนด้านนวัตกรรม AI และเทคโนโลยี
นอกจากนั้นน ลาซาด้า ยังนำเทคโนโลยี AI เข้ามาขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมและฟีเจอร์ต่าง ๆ โดยมี Gamification เป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างการมีส่วนร่วมกับนักช้อป ที่ผ่านมา LazGame ได้รับผลตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากในประเทศไทย โดยมีผู้เล่นเกมกว่า 1 ล้านคนต่อวัน ซึ่งนักช้อปกลุ่มนี้มีการใช้งานแอปพลิเคชันนานกว่าค่าเฉลี่ยของแพลตฟอร์มถึง 3 เท่า และราว 82% กลับมาใช้งานแอปพลิเคชันเป็นประจำทุกวัน
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่สะท้อนถึงความสำเร็จของการลงทุนด้านนวัตกรรมของลาซาด้า คือ ฟีเจอร์ “ถามผู้ใช้งานจริง (Ask the Buyer)” ซึ่งนำเทคโนโลยี AI มาช่วยตั้งคำถามเชิญชวนให้ผู้ซื้อรายก่อน ๆ มาร่วมรีวิวสินค้า เพื่อช่วยให้ผู้ซื้อรายใหม่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยปัจจุบันมีการตอบคำถามจากผู้ซื้อจริงไปแล้วกว่า 1.5 ล้านครั้ง
ส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพผู้ขายไทย
ผู้บริหารลาซาด้า เผยด้วยว่าจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาโซลูชันการตลาดเพื่อสนับสนุนผู้ขายให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมืออาชีพ เช่น เครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยี AI ช่วยปรับแต่งรูปภาพ เขียนคำอธิบายสินค้า และให้บริการลูกค้า โดยพบว่าสามารถเพิ่มอัตราการซื้อได้กว่า 30% รวมถึงพัฒนาบริการเสริมที่จะช่วยให้ผู้ขายนำเสนอประสบการณ์ช้อปปิงออนไลน์ที่ผสานกับออฟไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อ เช่น บริการติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ การประกันสินค้าประเภทต่าง ๆ รวมถึงการนำสินค้าเก่ามาแลกสินค้าใหม่ในหมวดโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
สำหรับหน่วยงานภาครัฐ ลาซาด้า ประเทศไทย ได้มีการจับมือกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกรุงเทพมหานคร ผ่านโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเช่นกัน