เริ่มเปิดตัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับธุรกิจที่อยู่ในพื้นที่สุดฮอตใจกลางเมืองอย่าง One Bangkok โดยล่าสุดเป็น แอลจี อิเล็กทรอนิคส์ (ประเทศไทย) ที่เปิดตัวสำนักงานใหญ่แห่งใหม่บนชั้น 23 ภายใต้คอนเซปต์ LG’s Next Chapter พร้อมประกาศรุกตลาด B2B และ D2C มากขึ้นในปีนี้ โดยตั้งเป้ารายได้ปี 2024 เอาไว้ที่ 16,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
ส่วนเหตุผลว่า ทำไมต้องเป็นพื้นที่อย่าง One Bangkok นั้น อาจกล่าวได้ว่า มาจากกลยุทธ์ของ LG ในปีนี้ ที่พบว่า ภาคธุรกิจมีการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยคุณอำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อิเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์ไว้อย่างน่าสนใจถึงแนวคิดในการเลือกและออกแบบพื้นที่ดังกล่าว และสามารถแยกได้เป็น 4 ประเด็นใหญ่ ๆ ดังนี้
1. เพิ่มโอกาสรุกตลาด B2B มากขึ้น
สิ่งที่คุณอำนาจ สิงหจันทร์ เปิดเผยก็คือ เห็นสัญญาณบวกจากหลายธุรกิจ เช่น ธุรกิจโรงแรมที่มีการรีโนเวทห้องพัก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว สถาบันการศึกษาที่มีการลงทุนในสื่อการเรียนการสอน หรือการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ เช่น One Bangkok และกลุ่ม Digital Signage (ป้ายดิจิทัลตามจุดต่าง ๆ)
ด้วยเหตุนี้ การออกแบบสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ขนาด 2,780 ตารางเมตรของ LG จึงไม่เพียงเป็นที่ทำงาน – ห้องประชุม – สถานฝึกอบรมพนักงาน แต่ยังสามารถเป็นพื้นที่นำเสนอสินค้าแบบครบวงจรให้กับธุรกิจ B2B ได้ด้วย โดยจะมีทั้งโซน Immersive Experience, Smart Meeting Room ฯลฯ เพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้วยตัวเอง
2. ทำเลที่ตั้งใกล้ “ลูกค้า”
จุดเด่นประการที่สองของสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ LG ก็คือ “ตำแหน่งที่ตั้ง” ที่ไม่เพียงแค่อยู่ใจกลางเมือง แต่ยังรายล้อมไปด้วยแบรนด์ขนาดใหญ่มากมาย โดยคุณอำนาจเผยว่า เริ่มมีภาคธุรกิจจำนวนมากทั้งที่อยู่ในโครงการ One Bangkok และไม่ได้อยู่ใน One Bangkok ติดต่อเพื่อเข้ามาเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของ LG กันแล้ว
3. เป็นพื้นที่อัปเดทเทรนด์
หน้าที่สำคัญอีกประการหนึ่งของ LG’s Next Chapter คือการเป็นพื้นที่สำหรับอัปเดทสินค้าใหม่ ๆ ที่บริษัทเลือกมาทำตลาดในประเทศไทย โดยสินค้าเหล่านั้นจะถูกนำมาจัดแสดงที่สำนักงานใหญ่แห่งนี้ก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อให้พนักงานขายเข้ามาเรียนรู้คุณสมบัติต่าง ๆ (มีการอบรมพนักงานทุกเดือน) เพื่อให้สามารถนำเสนอลูกค้าได้อย่างถูกต้อง
ส่วนลูกค้าแบบ B2B ก็สามารถเข้ามาพบปะและศึกษาคุณสมบัติของสินค้ารุ่นใหม่ ๆ ได้จากพื้นที่ดังกล่าวเช่นกัน (ในส่วนของการเลือกสินค้าเข้ามาทำตลาดในไทยนั้น คุณอำนาจได้ให้เทคนิคเพิ่มเติมด้วยว่า นอกจากจะมีทีมงาน LG ไปเลือกเองแล้ว จะพาดีลเลอร์ไปช่วยเลือกด้วย เนื่องจากมีความใกล้ชิด – รู้ความต้องการของลูกค้านั่นเอง)
4. สร้าง Workplace Experience แบบใหม่
สุดท้ายคือการสร้าง Workplace Experience แบบใหม่ให้พนักงาน โดยคุณอำนาจกล่าวถึงความสำคัญของข้อนี้ว่า บริษัทต้องการเปลี่ยนแนวคิดของพนักงานจากการเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ไปสู่การเป็นคนที่ทำให้ชีวิตของลูกค้าดีขึ้น และมองว่า การเลือกทำเลดังกล่าว ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง สามารถตอบโจทย์นั้นได้
“ถ้าเรานั่งอยู่ในออฟฟิศ พนักงานจะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ ซึ่งบรรยากาศเหล่านี้จะทำให้พวกเขาตื่นตัว รู้สึกว่าแบรนด์มีการยกระดับ เขามีโชว์รูม มีห้องทำงานที่ดี มีสภาพการทำงานที่ดี มีแคนทีน ซึ่งเชื่อว่าจะนำไปสู่การทำงานร่วมกันมากขึ้น มีการระดมความคิดกันมากขึ้น และไม่ใช่แค่พนักงานออฟฟิศ แต่ยังมีพนักงานขายกว่า 1,500 คนเข้ามาอบรมที่นี่ทุกเดือน นี่คือสิ่งที่เราทำให้พนักงาน” คุณอำนาจกล่าวปิดท้าย
ทั้งนี้ ผู้บริหาร LG เผยด้วยว่า ตั้งเป้ารายได้ในปีนี้เอาไว้ที่ 16,000 ล้านบาท โดยมาจากธุรกิจ B2C 80% B2B 10% และ D2C (Direct to consumer) อีก 10% และในอนาคตจะให้ความสำคัญกับช่องทาง D2C ให้มากขึ้น เช่น เว็บไซต์ของแบรนด์เองอย่าง LG.com