HomeInsightสำรวจผู้บริโภคไทย ท่องอินเทอร์เน็ต 8 ชั่วโมงต่อวัน ซื้อสินค้าผ่านโซเชียล 73% สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก

สำรวจผู้บริโภคไทย ท่องอินเทอร์เน็ต 8 ชั่วโมงต่อวัน ซื้อสินค้าผ่านโซเชียล 73% สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก

แชร์ :

Online Shopping
ผลสำรวจล่าสุดของ PwC พบว่าผู้บริโภคชาวไทย 54% กังวลสถานการณ์เศรษฐกิจผันผวน ที่ส่งผลต่อการใช้จ่ายใช้สอย จึงเน้นซื้อสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น โดยมี “โซเชียลมีเดีย” เป็นช่องทางทำกิจกรรมชอปปิง แต่ก็หวั่นภัยไซเบอร์จากข้อมูลรั่วไหล

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

รายงานผลสำรวจของ PwC ซึ่งรวบรวมความคิดเห็นของผู้บริโภคชาวไทยจำนวน 504 ราย เกี่ยวกับแนวโน้มการจับจ่ายสินค้าและปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ เช่น เทคโนโลยีเกิดใหม่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และโซเชียลมีเดีย ในช่วงระหว่างเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2567

คุณพิสิฐ ทางธนกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท PwC ประเทศไทย กล่าวว่ารายงานผลสำรวจเสียงของผู้บริโภค ประจำปี 2567 ภาพรวมของเอเชียแปซิฟิก ของ PwC พบว่าผู้บริโภคไทยกังวลความผันผวนของเศรษฐกิจมหภาคจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยมากที่สุดในอีก 12 เดือนข้างหน้า สัดส่วน 54% ตามมาด้วยปัจจัยเงินเฟ้อ 53% และความเสี่ยงทางไซเบอร์ 41%

พบว่าผู้บริโภคชาวไทยจะให้ความสำคัญกับสินค้าที่จำเป็น (necessities) มากกว่าสินค้าฟุ่มเฟือย (luxury items) ในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดย 69% คาดว่าจะใช้จ่ายกับสินค้าอุปโภคบริโภคมากขึ้น ตามมาด้วยผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม 60% และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 52%

นอกจากนี้ 4 ใน 10 ของผู้บริโภคชาวไทยจะพิจารณาเปลี่ยนจากการซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่ตนชื่นชอบไปใช้ตัวเลือกอื่นที่ราคาถูกกว่า หากได้รับความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากกว่า ขณะที่ 51% ยังรู้สึกพึงพอใจกับการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว การปรับปรุงที่อยู่อาศัย 50% และเสื้อผ้าและรองเท้า 46%

คนไทยซื้อสินค้าผ่านโซเชียลมีเดียสูงกว่าทั่วโลก

พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยที่ชื่นชอบใช้งานอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ยังสอดคล้องกับรายงานของ PwC ที่พบว่า 73% ของผู้ตอบแบบสำรวจชาวไทยมีการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย (สูงกว่าเอเชียแปซิฟิกที่ 56% และทั่วโลกที่ 34%)

โดยข้อมูลจากรายงาน Digital 2024: Thailand ที่จัดทำโดย We Are Social และ Meltwater ระบุว่า ในช่วงต้นปี 2567 มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยจำนวน 63.21 ล้านคน โดยส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการท่องอินเทอร์เน็ตเฉลี่ยเกือบ 8 ชั่วโมงต่อวัน ขณะที่มีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียในประเทศมากกว่า 49 ล้านคน

รายงานของ PwC ระบุว่า แม้ว่าผู้บริโภคชาวไทยจะชื่นชอบการทำกิจกรรมการชอปปิงผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียทั้งการค้นหาแบรนด์ใหม่ ๆ 82% หรือซื้อสินค้าหรือบริการที่ใช้อินฟลูเอนเซอร์ 62% แต่คนไทยกลับจัดอันดับให้บริษัทและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมีความน่าเชื่อถือน้อยที่สุด โดย 77% กล่าวว่า “ตนมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (privacy) และการแบ่งปันข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย”

ดังนั้นผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล (data protection) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค เนื่องจากผู้บริโภคชาวไทยมองว่าการปกป้องข้อมูล เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจและมีอิทธิพลต่อความเชื่อมั่นที่พวกเขามีต่อบริษัทต่าง ๆ

ผู้บริโภคไทยยอมจ่ายแพงสำหรับสินค้าเพื่อความยั่งยืน

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บริโภคชาวไทยยังหันมาให้ความสำคัญกับการบริโภคสินค้าเพื่อความยั่งยืน (sustainable products) มากขึ้น โดยรายงานระบุว่า 95% ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่าได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในชีวิตประจำวัน จึงเป็นเหตุให้ผู้บริโภคชาวไทยมากกว่าครึ่ง 58% เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น และยังเต็มใจที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นถึง 11.7% ของราคาสินค้าโดยเฉลี่ย ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกและเอเชียแปซิฟิกที่ 9.7% และเกือบ 11% ตามลำดับ

การดำเนินการเพื่อความยั่งยืนของผู้ประกอบการค้าปลีกจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภคชาวไทยมากขึ้นในระยะข้างหน้า โดยรายงานของ PwC พบว่าการลดของเสียและการรีไซเคิลจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคมากที่สุด 45% รองลงมา คือ บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 37% และผลกระทบเชิงบวกต่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและน้ำ 35%

นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่ 79% ยังแสดงความสนใจอย่างมากในการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า (electric vehicle) หรือรถยนต์ไฮบริด (hybrid vehicle) เพื่อการเดินทางที่ยั่งยืน

ปัจจุบันผู้บริโภคชาวไทยตระหนักดีถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในวงกว้างมากขึ้น และยอมจ่ายแพงกว่าเดิมสำหรับสินค้ารักษ์โลก ดังนั้น บริษัทผู้ผลิตควรต้องมีกลยุทธ์ รวมทั้งหาจุดสมดุลระหว่างความสามารถในการซื้อของผู้บริโภคและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสม โดยผสมผสานการใช้ช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ และนำเทคโนโลยี GenAI เข้ามาใช้เพื่อดึงดูดลูกค้าและกระตุ้นยอดขาย ในขณะเดียวกันก็ควรพิจารณาการลงทุนด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความไว้วางใจและมีความภักดีต่อแบรนด์ยิ่งขึ้น

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like