Vero Advocacy ที่ปรึกษาด้านนโยบายสาธารณะ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเกิดใหม่และอุตสาหกรรมสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ อุตสาหกรรมสื่อใหม่ อุตสาหกรรมเทคโนโลยี และอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งอุตสาหกรรมเหล่านี้ล้วนมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาค โดย Vero Advocacy กำลังขยายตัวเพื่อให้บริการครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในภูมิภาค ปัจจุบันมีสำนักงานในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม
ด้วยทีมที่ปรึกษาด้านนโยบายสาธารณะกว่า 15 คน Vero Advocacy ได้ให้คำปรึกษาและสนับสนุนลูกค้าหลายรายจากหลากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นสื่อสตรีมมิ่ง แพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยว ธนาคาร องค์กรด้านการเงิน ธุรกิจโซเชียลมีเดีย และบริษัท FMCG โดยมุ่งเน้นการให้การสนับสนุนองค์กรและผู้ประกอบการชั้นนำที่กำลังมองหาโอกาสในการเติบโตและขยายตลาดธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Vero Advocacy ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ Vero Group พร้อมให้การสนับสนุนแบบครบวงจร ทั้งในด้านนโยบายสาธารณะและรัฐกิจสัมพันธ์ การประชาสัมพันธ์ การตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ และการจัดอิเวนต์ บริการที่ครอบคลุมช่วยลดความซับซ้อนในการบริหารจัดการที่ต้องพึ่งพาหลายหน่วยงานที่ปรึกษา ผ่านการบูรณาการบริการที่ครบจบในที่เดียวจากทีมผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาเพื่อออกแบบกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแก่ลูกค้า
Vero Advocacy นำทีมโดยหุ้นส่วนผู้จัดการสองคน ได้แก่ ณัฐพร บัวมหะกุล และพงศ์ศิริ ภูรินธนโชติ โดย ณัฐพรมีประสบการณ์ในด้านการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ การบริหารจัดการผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการสื่อสารในภาวะวิกฤตให้กับลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรมมาเป็นเวลาหลายปี และ พงศ์ศิริเป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายสาธารณะให้กับธุรกิจในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีประสบการณ์ทำงานในภาครัฐและในบริษัทที่ปรึกษาด้านรัฐกิจสัมพันธ์
“รัฐบาลต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างมีวาระและความต้องการที่แตกต่างกัน การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ทั้งการเปลี่ยนมือผู้นำและการพลวัตของอำนาจรัฐได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการมีทีมที่ปรึกษาในพื้นที่ที่พร้อมประเมินภูมิทัศน์ทางการเมืองที่ซับซ้อนและไม่แน่นอนในภูมิภาค” ณัฐพรกล่าว
“Vero Advocacy พร้อมสนับสนุนให้ธุรกิจสามารถริเริ่มโครงการของตัวเองได้อย่างมั่นใจ รวมถึงสื่อสารและบริหารจัดการผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้อย่างรอบคอบ พร้อมทั้งยังสามารถปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจให้สอดคล้องกับการพัฒนานโยบายของภาครัฐเพื่อยกระดับแบรนด์ในตลาดภูมิภาค ด้วยความร่วมมือกับ Vero เรายังสามารถบูรณาการบริการของเราร่วมกับการให้คำปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์และการสื่อสาร ซึ่งถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังภายใต้ภาวะการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองที่ยังไม่แน่นอน”
พงศ์ศิริกล่าวเสริมว่า “เรามุ่งมั่นที่จะต่อยอดวิสัยทัศน์และพลังของคนรุ่นใหม่ให้มีบทบาทในกระบวนการกำหนดนโยบาย เพื่อให้มั่นใจว่าการบริการของเรานั้นทันสมัยและครอบคลุมความคิดของคนทุกกลุ่ม ภารกิจของเรายังรวมถึงการพัฒนาเปลี่ยนแปลงแนวปฏิบัติด้านนโยบายสาธารณะและความสัมพันธ์กับภาครัฐในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านการให้บริการอย่างมีกลยุทธ์และและการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสร้างผลกระทบที่เป็นรูปธรรม”
Vero Advocacy มุ่งเน้นการวิจัยข้อมูลและการนำข้อมูลเชิงลึกมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามการเปลี่ยนแปลงของนโยบายและกฎระเบียบ การประเมินมุมมองของสาธารณชน และทำความเข้าใจผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ด้วยวิธีนี้แบรนด์จะสามารถดำเนินการสื่อสารเชิงนโยบาย จัดกิจกรรม รวมไปถึงริเริ่มโครงการร่วมกับหลายภาคส่วนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ Vero Advocacy เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มปฏิญญา Clean Creatives และได้ให้คำมั่นว่าจะปฏิเสธการเซ็นสัญญาร่วมงานกับบริษัทน้ำมัน แก๊ส และถ่านหิน