HomeAutomobileVolvo เบรกแรง “แผนผลิตรถ EV 2030” คาดภาษีนำเข้าสินค้า “จีน” เป็นต้นเหตุ

Volvo เบรกแรง “แผนผลิตรถ EV 2030” คาดภาษีนำเข้าสินค้า “จีน” เป็นต้นเหตุ

แชร์ :

วอลโว่ (Volvo) ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมยานยนต์สัญชาติสวีเดน เบรกแผนผลิตรถ EV ตัวโก่ง จากที่เคยประกาศว่าจะผลิตรถ EV ประเภทเดียวตั้งแต่ปี 2030 เป็นต้นไป ล่าสุดออกมาบอกว่า บริษัทตัดสินใจจะผลิตรถ Plug-in Hybrid ร่วมด้วย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแทน

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

การเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อาจไม่สวยหรูเสียแล้ว เพราะในมุมของแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ พบว่าเริ่มมีหลายบริษัทออกมาปรับนโยบายเกี่ยวกับรถยนต์ EV กันพอสมควร และล่าสุดก็คือวอลโว่ ที่ตัดสินใจระงับแผนการใหญ่ของบริษัท ที่เคยบอกว่าจะผลิตรถยนต์ EV ประเภทเดียวตั้งแต่ปี 2030 เป็นต้นไป

สำหรับต้นเหตุของการปรับนโยบายดังกล่าว มาจากหลายปัจจัย เช่น การลงทุนตั้งสถานีชาร์จแบตเตอรี่ที่ยังไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้เพียงพอ นอกจากนั้น วอลโว่ยังพบว่า ความต้องการรถ EV ของผู้บริโภคนั้นเริ่มผันผวนไม่แน่นอน (ข้อมูลจาก the European Automobile Manufacturers Association พบว่า ยอดจดทะเบียนรถยนต์ EV ในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปลดลง 11% ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา)

ประการสุดท้ายคือการตั้งกำแพงภาษีของสหภาพยุโรปต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีนแผ่นดินใหญ่ตามรอยประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งวอลโว่ก็มีโรงงานผลิตรถยนต์อยู่ในจีนด้วยนั่นเอง (ตั้งอยู่ในนครเฉิงตู และนครต้าชิง)

ด้วยเหตุนี้ แม้จะเป็นบริษัทสัญชาติยุโรป แต่การนำเข้ารถยนต์ที่มีแหล่งผลิตในจีนก็ทำให้วอลโว่เจอกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่เฉพาะสหภาพยุโรปที่ตั้งแง่กับรถยนต์ EV ของจีน เพราะประเทศแคนาดาก็ประกาศขึ้นภาษีรถยนต์ EV จากจีนด้วยอีกประเทศหนึ่งแล้ว

ทั้งนี้ มีรายงานว่า บรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชาติต่าง ๆ ที่ไปลงทุนในประเทศจีนต่างออกมากล่าวโทษรัฐบาลจีนว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาดังกล่าว อีกทั้งรัฐบาลจีนยังสนับสนุนบริษัทผู้ผลิตรถสัญชาติจีนเป็นกรณีพิเศษด้วย แต่รัฐบาลจีนได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านั้น พร้อมบอกว่า เป็นการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมของประเทศยักษ์ใหญ่เสียมากกว่า

สำหรับวอลโว่ หลังจากออกมาประกาศเปลี่ยนแผนครั้งนี้ บริษัทได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการผลิตรถยนต์ว่า จะหันมาผลิตรถ EV ร่วมกับรถแบบ plug-in hybrids อย่างน้อย 90% ของกำลังผลิตทั้งหมดแทน และอาจมีการขายรถยนต์ประเภท Mild Hybrid หรือมีเครื่องยนต์แบบดั้งเดิม (ไม่มีระบบไฟฟ้าเข้ามาเสริมมากนัก) ในแผนของบริษัทด้วย

Source

Source


แชร์ :

You may also like