HomeBrand Move !!อ่านเกม “Kubota” ทำตลาดอย่างไรในวันที่เกษตรกรน้อยลง บุกหนักใช้นวัตกรรมล้ำสมัย ควบความรู้เกษตรครบวงจร มัดใจเกษตรกรรุ่นใหม่ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเป็น 50% ใน 5 ปี

อ่านเกม “Kubota” ทำตลาดอย่างไรในวันที่เกษตรกรน้อยลง บุกหนักใช้นวัตกรรมล้ำสมัย ควบความรู้เกษตรครบวงจร มัดใจเกษตรกรรุ่นใหม่ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเป็น 50% ใน 5 ปี

แชร์ :

ถึงแม้ว่าปัจจุบัน “บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด” หรือ “Kubota” จะเป็นแบรนด์เครื่องจักรกลการเกษตรที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน ทั้งยังสร้างยอดขายเติบโตอย่างมาก โดยในปีที่ผ่านมามีรายได้ถึง 58,000 ล้านบาท และ 8 เดือนแรกของปี 2567 ยอดขายในประเทศเติบโตขึ้นถึง 13% คิดเป็นรายได้ราว 29,000 ล้านบาท แต่ความท้าทายที่เป็นโจทย์ใหญ่เสมอมาของ Kubota คือ Mindset ของเกษตรกรที่ติดกับการทำเกษตรแบบดั้งเดิม รวมถึง “แรงงาน” ภาคการเกษตรมีแนวโน้ม “ลดลง” ต่อเนื่อง ดังนั้น หากปล่อยสถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป จะทำให้เกษตรกรหายไปจากตลาด และกลายเป็นข้อจำกัดในการผลักดันยอดขายของแบรนด์ให้เติบโต

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

นั่นจึงทำให้ Kubota ต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ ด้วยการดึงคนรุ่นใหม่เข้าสู่ภาคการเกษตรให้มากขึ้น หลายคนอาจยังเห็นภาพไม่ชัดว่าการดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้กลับเข้ามาทำการเกษตรนั้นเป็นอย่างไร? ตามไปฟังแนวคิดนี้จาก “คุณพิษณุ มิลินทานุช” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขาย การตลาดและบริการ บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอชั่น จำกัด พร้อมเจาะลึกยุทธศาสตร์การขยายฐานเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเป็น 50% ภายใน 5 ปีนับจากนี้

รายได้ไม่จูงใจ ต้นเหตุเกษตรกรรุ่นใหม่น้อยลง

ที่ผ่านมาเราอาจคุ้นเคยกับ Kubota ในฐานะ Key Player ในตลาดเครื่องจักรกลการเกษตร เพราะเป็นแบรนด์ที่มีจุดแข็งในการพัฒนานวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรที่ทันสมัยสอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร พร้อมกับให้บริการหลังการขายที่มีคุณภาพ เพื่อให้เกษตรกรใช้นวัตกรรมต่างๆ อย่างถูกต้องและคุ้มค่า โดยในยุคแรกมีแต่รถไถเท่านั้น ต่อมาได้พัฒนาเครื่องจักรกลรูปแบบใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่น รถแทรกเตอร์ รถเกี่ยวนวดข้าว และปัจจุบันขยับมาสู่สินค้าเทคโนโลยีการเกษตรแบบครบวงจร เช่น โดรนการเกษตร และ IoT จนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดเครื่องจักรกลการเกษตร โดยในปี 2566 Kubota มีรายได้ 58,000 ล้านบาท จากตลาดรวมเครื่องจักรกลการเกษตรของไทยที่มีมูลค่า 70,000 ล้านบาท

“คุณพิษณุ มิลินทานุช” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขาย การตลาดและบริการ บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอชั่น จำกัด

แต่เมื่อมาดูฐานลูกค้าเกษตรกร จากการศึกษา ทำให้พบว่า ปัจจุบันแรงงานในภาคการเกษตรมีอายุเฉลี่ย 59 ปีขึ้นไป ในขณะที่คนอายุ 35 ปีลงมา มีสัดส่วนแค่ 1 ใน 4 เท่านั้น นั่นหมายความว่าคนเข้ามาทำอาชีพเกษตรน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งคุณพิษณุ บอกว่า หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่นิยมทำงานในภาคเกษตร คือ “รายได้” เฉลี่ยของแรงงานภาคการเกษตรค่อนข้าง “น้อย” เมื่อเทียบกับอาชีพอื่น จึงทำให้หลายพื้นที่การเกษตรถูกทิ้งร้างว่างเปล่าเป็นจำนวนมาก

จากสถานการณ์ดังกล่าวนี่เอง ทำให้กลับมานั่งคิดว่า หากปล่อยไว้แบบนี้ต่อไป จนวันหนึ่งไม่มีคนทำเกษตรเลย จะเกิดอะไรขึ้น นั่นเลยเป็นที่มาให้ Kubota ต้องลุกขึ้นมาขยายฐานสู่เกษตรกรรุ่นใหม่ที่เป็นเจเนอเรชั่น Y และ Z มากขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตให้กับภาคการเกษตรและแบรนด์อย่างต่อเนื่อง

ประเดิมส่งแคมเปญกินใจ-พัฒนานวัตกรรมล้ำสมัย ดึงคนรุ่นใหม่สู่ภาคเกษตร

คุณพิษณุ บอกว่า พฤติกรรมของเกษตรกรรุ่นใหม่แตกต่างจากเกษตรกรรุ่นเก่ามาก โดยเกษตรกรรุ่นใหม่ต้องการใช้เทคโนโลยีมาช่วยลดเวลา ต้นทุน และเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ขณะที่คนรุ่นก่อนจะชินกับการทำเกษตรแบบเดิมๆ มากกว่า ทำให้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา Kubota จึงได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรล้ำสมัยเข้ามาให้เกษตรกรรุ่นใหม่ได้สัมผัสเพื่อสะท้อนให้เห็นว่าการทำการเกษตรเป็นเรื่องง่าย เพื่อดึงดูดคนกลุ่มนี้ให้กลับเข้ามาสู่ภาคการเกษตร

ควบคู่กับการปรับวิธีการสื่อสารใหม่ผ่าน Music Marketing พร้อมกับปล่อยแคมเปญ “No Farmer, No Us ไม่มีเขา ไม่มีเรา” เพื่อให้คนรุ่นใหม่ตระหนักถึงความสำคัญของการทำเกษตร ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวของเกษตรกรผ่านวิดีโอที่แสนกินใจ จนยอดวิวสูงถึง 50 กว่าล้านวิว อีกทั้งยอดขายจากเกษตรกรรุ่นใหม่ยังเติบโตขึ้น 4% โดยมีสัดส่วนของสินค้าโดรนเพื่อการเกษตรสูงถึง 65%

“ปัจจุบันลูกค้าเกษตรกรรุ่นใหม่มีสัดส่วนเพียง 30-35% จากฐานลูกค้าเกษตรกรของบริษัทที่มีกว่า 570,000 ราย ทำให้เราต้องการเพิ่มสัดส่วนลูกค้ากลุ่มนี้เป็น 50% ให้ได้ใน 5 ปี” คุณพิษณุ บอกถึงเป้าหมาย และส่งผลให้แนวทางการทำตลาดนับจากนี้ จึงเน้นไปที่การให้ความรู้และสร้างประสบการณ์การทำเกษตรสมัยใหม่แบบครบวงจรกับเกษตรกรรุ่นใหม่มากขึ้นผ่านคูโบต้าฟาร์ม เพื่อให้เกษตรกรได้เห็นถึงการปฏิบัติและผลลัพธ์จริง

เนื่องจากพบว่า พฤติกรรมของเกษตรกรรุ่นใหม่ ไม่เพียงต้องการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ แต่ยังต้องการความรู้ในการทำเกษตรสมัยใหม่ไปปรับใช้ในการบริหารจัดการฟาร์มของตัวเองให้ได้ผลผลิตออกมาดี และเพิ่มรายได้ให้ตัวเองมากขึ้น ซึ่งเมื่อเกษตรกรมีความรู้และรายได้มากขึ้น ก็จะช่วยให้ Mindset ในการทำเกษตรสมัยใหม่ดีขึ้น ทั้งยังดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้กลับเข้าสู่ภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น และทำให้ Kubota เติบโตอย่างแข็งแรงตามไปด้วย

โดยในปี 2567 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ราว 60,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตขึ้น 2-3% จากปี 2566 ที่ผ่านมา โดยตลาดที่สร้างการเติบโตมากที่สุดคือ “โดรนเพื่อการเกษตร” แม้บริษัทเพิ่งจะรุกตลาดได้เพียง 3 ปี แต่ปัจจุบันเป็นอันดับ 1 ในตลาด ด้วยส่วนแบ่งตลาด 37%

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE

 


แชร์ :

You may also like