HomePR NewsMintel เผย 3 เทรนด์ผู้บริโภคปี 2025

Mintel เผย 3 เทรนด์ผู้บริโภคปี 2025

แชร์ :

Mintel ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยความต้องการและปัจจัยขับเคลื่อนของผู้บริโภค ได้เผยเทรนด์สำคัญ 3 ประการที่จะกำหนดพฤติกรรมของผู้บริโภคในปี 2025 เป็นต้นไป โดยจะเห็นการแสวงหาความกลมกลืนระหว่างจิตใจของมนุษย์ ธรรมชาติ และเทคโนโลยี แม้ว่าบางครั้งการบรรลุความกลมกลืนดังกล่าวอาจทำได้ยาก ทั้งผู้บริโภคและแบรนด์จะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่สลับไปมาระหว่างความรู้สึกว่าชีวิตควบคุมได้และควบคุมไม่ได้อยู่ตลอดเวลา เป้าหมายของ Mintel ในปี 2025 คือการเจาะลึกลงไปในแตกต่างของปัจจัยขับเคลื่อนเทรนด์ทั้ง 7 ประการของ Mintel (คุณค่า สุขภาวะ เอกลักษณ์ สิทธิ์ เทคโนโลยี สภาพแวดล้อม และประสบการณ์) ใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ บ้าน ชุมชน และโลก

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

สำหรับแนวโน้มผู้บริโภค 3 ประการในปี 2025 ได้แก่

  • บ้าน: ระหว่างการก่อสร้าง (The Home: Under Construction) – ในตลาดที่อยู่อาศัยที่คาดเดาได้ยาก ความสะดวกสบายและความจริงแท้ในบ้านของเราจะเกิดจากการยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบและความเป็นปัจเจกบุคคล มากกว่าการดิ้นรนเพื่ออุดมคติที่มักจะอยู่นอกเหนือการเข้าถึง
  • ชุมชน: ชีวิตที่เชื่อมโยงกัน (The Community: Linked Lives) – ชุมชนจะเกิดขึ้นและดำรงอยู่ในพื้นที่แห่งความร่วมมือที่ท้าทายขีดจำกัดทางกายภาพ ด้วยแรงบันดาลใจจากสิ่งที่แบรนด์และผู้บริโภคจินตนาการร่วมกัน
  • โลก: ธรรมเนียมปฏิบัติในช่วงเปลี่ยนผ่าน (The Globe: Tradition in Transition) – วิธีการแบบดั้งเดิมในการทำสิ่งต่าง ๆ กำลังเปลี่ยนไปทั้งจากความจำเป็นและจากความสมัครใจ แบรนด์ต่าง ๆ จะต้องยอมรับสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี้เพื่อรักษาความก้าวหน้าและความเกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเรามองไปในอนาคต Cormac Henry นักวิเคราะห์อาหารและเครื่องดื่มระดับโลกของ Mintel อธิบายว่าเทรนด์เหล่านี้จะพัฒนาไปอย่างไร และแบรนด์ต่าง ๆ จะใช้ประโยชน์จากทัศนคติและพฤติกรรมของผู้บริโภคเพื่อกำหนดกลยุทธ์การตลาดและกระบวนการสร้างสรรค์นวัตกรรมของตนได้อย่างไร

บ้าน: ระหว่างการก่อสร้าง | The Home: Under Construction
“วัตถุประสงค์ของ ‘บ้าน’ กำลังเปลี่ยนแปลงไป และแบรนด์ต่าง ๆ ก็มีบทบาทนำในการเสนอแรงบันดาลใจให้กับองค์ประกอบของบ้าน แทนที่จะเน้นที่ตัวบ้านทั้งหลัง ผู้บริโภคไม่ต้องรอคอยพื้นที่ใช้สอยที่สมบูรณ์แบบเพื่อเริ่มต้นการใช้ชีวิต เมื่อผู้คนปรับเปลี่ยนสมดุลกิจวัตรและนิสัยของตนเองใหม่ พวกเขาจะมุ่งเน้นไปที่การใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด (เช่น การทำงานหลายอย่างพร้อมกัน) และเพิ่มสุขภาวะของตนเอง (เช่น กิจวัตรการดูแลตนเอง) ความขัดแย้งระหว่างการประสานผลิตภาพเข้ากับการดูแลตนเองนี้เป็นสิ่งกำหนดอนาคตของบ้าน

“เมื่อผู้คนเผชิญกับความยากลำบากในการหาบ้านที่มั่นคงและยอมรับว่าความคาดหวังในการเป็นเจ้าของบ้านไม่ได้ตรงกับความเป็นจริงเสมอไป ความสะดวกสบายที่คุ้นเคยก็จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น การเพิ่มขึ้นของคู่สามีภรรยาที่ไม่มีบุตร ความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ และการแก่ชราในบ้านและชุมชนของตนเอง ล้วนส่งผลต่อการใช้ชีวิตของผู้คน ในขณะเดียวกัน การทำงานจากระยะไกลจะปรับเปลี่ยนความเป็นไปในครอบครัว ส่งผลต่อการสร้างสายสัมพันธ์ที่ผูกพันกันของเด็ก ๆ ในสภาพแวดล้อมที่พ่อแม่มักจะอยู่ด้วย ชีวิตในบ้านในยุคใหม่นี้ ซึ่งปัจจัยทางอารมณ์ การปฏิบัติ และเศรษฐกิจล้วนมีความสำคัญ จะนำไปสู่การประเมินบทบาทในครัวเรือนที่เคยกำหนดไว้ใหม่อีกครั้ง ในอนาคตที่คาดหวัง บ้านจะเป็นมากกว่าแค่พื้นที่อยู่อาศัย แต่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของสุขภาพ ประสิทธิภาพ และความสะดวกสบายส่วนบุคคล

ชุมชน: ชีวิตที่เชื่อมโยงกัน | The Community: Linked Lives“เมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้คนต่างแสวงหาวิธีสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง ยั่งยืน และยืนยาว เพื่อเพิ่มความสามารถในการฟื้นตัวจากภาวะวิกฤตไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิตก็ตาม เนื่องจากจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายทั้งหลาย ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ความซับซ้อนและการคาดเดาไม่ได้ของความท้าทายเหล่านี้ทำให้การเผชิญหน้ากับปัญหาเหล่านี้เพียงลำพังเป็นเรื่องไร้เหตุผลและไม่พึงปรารถนา ดังนั้น กลุ่มสังคมจึงกลายเป็นส่วนสำคัญในการวางแผนอนาคต โดยการแสวงหามิตรภาพที่มีเป้าหมายและการสนับสนุนร่วมกัน

“แม้ความกลัวเกี่ยวกับความเหงาและความโดดเดี่ยวมีเพิ่มมากขึ้น แต่แนวคิดที่มุ่งเน้นไปที่ความเป็นตัวเองจะส่งเสริมให้เกิดการรวมตัวกันของชุมชน เฉกเช่นในหมู่ Swifties หรือกลุ่มคนรักกาแฟ น้ำเสียงของแบรนด์สามารถส่งเสริมความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและเสริมพลังให้กับกลุ่มเป้าหมาย ก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ทุกคนสามารถเติบโตและมีส่วนร่วมในเชิงบวกได้

“ท้ายที่สุด แบรนด์ทั้งหลายจะต้องนำเอาแนวทางที่สมดุลมาใช้ในการจัดการกับ AI เพื่อให้แน่ใจว่า AI จะส่งเสริมการแสดงออกความเป็นตัวเองของมนุษย์ เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องความโดดเดี่ยวทางสังคมที่เพิ่มมากขึ้น แบรนด์ต่าง ๆ จะไม่เพียงแต่ถูกมองว่าเป็นผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ผู้คนรู้สึกมีคุณค่าและได้รับการสนับสนุนอีกด้วย”

โลก: ธรรมเนียมปฏิบัติในช่วงเปลี่ยนผ่าน | The Globe: Tradition in Transition
“ผู้บริโภคไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันโดยไม่ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั่วโลกได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่เลวร้ายหรือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แบรนด์ต่าง ๆ จะต้องตระหนักถึงความรู้สึกของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปให้รวดเร็ว ซึ่งผันผวนระหว่างค่านิยมทางศีลธรรมและความต้องการขั้นพื้นฐาน การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และประชากรสูงอายุจะสร้างความท้าทายให้กับผู้บริโภคอย่างมาก ความตึงเครียดจะเกิดขึ้นระหว่างรุ่น เมื่อกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ (เกิดระหว่างปี 1946-1964) ยังคงกระตือรือร้นทำกิจกรรมต่าง ๆ แม้ในวัยชรา ในขณะที่กลุ่มเจนอัลฟ่า (เกิดระหว่างปี 2010-2025) ก็ต้องการความใส่ใจ

“นอกจากนี้ บรรทัดฐานด้านสุขภาพและความงามจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยการใช้ยาลดน้ำหนักและการศัลยกรรมเสริมสวยจะกลายเป็นเรื่องปกติ แม้ว่าเทรนด์เหล่านี้จะสะท้อนถึงทัศนคติที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของร่างกาย แต่เมื่อความคาดหวังของผู้บริโภคมีมากขึ้น จะมีการมุ่งเน้นที่ความโปร่งใส ความปลอดภัย และประสิทธิผลในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามมากขึ้นเช่นกัน แบรนด์ต่าง ๆ จะถูกกระตุ้นให้ตอบสนองความต้องการด้านสุนทรียศาสตร์ที่เร่งด่วนในขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับสุขภาพในระยะยาว ซึ่งเป็นการสร้างรากฐานสำหรับอนาคตที่ทุกคนสามารถเข้าถึงสุขภาพที่ดีได้”


แชร์ :

You may also like