ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป มีมติอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างกลุ่มอาร์เอส และการเข้าลงทุนใน บริษัท กิฟท์ อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ GIFT
โดย อาร์เอส ได้ขายธุรกิจบางส่วน ได้แก่ บริษัท อาร์เอส ลิฟเวลล์ จำกัด และธุรกิจหน่วยงาน อาร์เอส มอลล์ ให้กับ GIFT ในขณะที่ GIFT มีการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement) ให้ อาร์เอส กรุ๊ป
การปรับโครงสร้างดังกล่าว ส่งผลให้ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ GIFT ในสัดส่วน 49.99% พร้อมเปลี่ยนชื่อบริษัท ‘GIFT Infinite’ เป็น ‘RSXYZ’
การเข้าควบรวมกิจการในครั้งนี้เพื่อขยาย Ecosystem ธุรกิจของอาร์เอส กรุ๊ป ให้ครบถ้วนยิ่งขึ้น มั่นใจหลังจาก Synergy ธุรกิจและเชื่อมโยงดาต้าเบสของทั้งกลุ่มเข้าด้วยกันแล้ว จะผลักดันธุรกิจเติบโตก้าวกระโดดทัน ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 ผลประกอบการของ อาร์เอส กรุ๊ป จะทะลุ 7,000 ล้านบาท
คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าหลังจาก อาร์เอส กรุ๊ป ทรานส์ฟอร์มองค์กรจากธุรกิจสื่อและบันเทิงไปสู่ธุรกิจพาณิชย์ จนปัจจุบันมีสินค้าและบริการสำหรับผู้คนและสัตว์เลี้ยงในหลากหลายแบรนด์ และมีช่องทางการขายสินค้า Multi-channel platform เป็นของตนเอง
ในขณะที่ GIFT เป็นบริษัทที่กำลังเติบโต ประกอบธุรกิจที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ ทั้งธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Tech & Innovations) ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) และธุรกิจสุขภาพและความงาม (Health & Beauty) ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการของ อาร์เอส กรุ๊ป จึงมีมติเห็นชอบให้เข้าลงทุนใน GIFT พร้อมปรับโครงสร้างของทั้งสองบริษัทใหม่ทั้งหมด มุ่งสู่การเป็นบริษัท Consumer Lifestyle ครบวงจร
การควบรวมกิจการในครั้งนี้ มีมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นไม่เกิน 5,068 ล้านบาท โดย อาร์เอส ซื้อหุ้นสามัญของ GIFT รวมไม่เกิน 1,206.7 ล้านหุ้น แบ่งเป็น
1. หุ้นสามัญเพิ่มทุน PP (Private Placement) จำนวนไม่เกิน 651.8 ล้านหุ้น ที่ราคา 4.2 บาท
2. หุ้นสามัญ GIFT จาก คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ จำนวนไม่เกิน 238.5 ล้านหุ้น ที่ราคา 4.2 บาท และ
3. หุ้นสามัญ GIFT จาก บจก. เชษฐโชติ โฮลดิ้งส์ จำนวนไม่เกิน 316.5 ล้านหุ้น ที่ราคา 4.2 บาท
โดยการถือหุ้นของ อาร์เอส ใน GIFT คิดเป็นสัดส่วน 49.99% และหลังการควบรวมกิจการในครั้งนี้ จะส่งผลให้ คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ และกลุ่มเชษฐโชติศักดิ์ ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งของ อาร์เอส ในสัดส่วนไม่เกิน 36%
แหล่งที่มาของเงินทุนมาจากการที่ อาร์เอส ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน Private placement (PP) เสนอขายให้กับคุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ และกลุ่มเชษฐโชติศักดิ์ จำนวน 364.2 ล้านหุ้น ที่ราคา 6.4 บาท รวมเป็นมูลค่า 2,330.8 ล้านบาท และการจำหน่ายธุรกิจ RS Livewell ให้กับ GIFT ด้วยมูลค่ารวม 2,737.4 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังปรับโครงสร้างธุรกิจให้ RS Mall ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท ไปอยู่ภายใต้การดูแลของ GIFT
สำหรับการควบรวมกิจการของทั้งสองบริษัท นับเป็นการผสานจุดแข็งของแต่ละบริษัทเพื่อสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจหลายประการ อาทิ อาร์เอส จะสามารถใช้ความเชี่ยวชาญในฐานะผู้นำ Digital marketing ผ่าน platform online ต่างๆ ของ A lot tech ในเครือ GIFT ที่มีฐานลูกค้าหลายล้านคนต่อเดือน ซึ่งการันตีด้วยยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์กว่าปีละ 2,500 ล้านบาท มาใช้สนับสนุนการขายสินค้าของ RS LiveWell
นอกจากนี้ ยังเป็นการขยาย Ecosystem ของ อาร์เอส ให้เข้าสู่ธุรกิจ B2C มากขึ้น ผ่านธุรกิจ F&B ในเครือ GIFT ที่มีหลากหลายแบรนด์และมีฐานลูกค้าที่แตกต่างกันไป ซึ่งจะครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน GIFT จะสามารถใช้ศักยภาพของสื่อและบันเทิง ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญหลักของ อาร์เอส มาสนับสนุนการทำกลยุทธ์และเป็นเครื่องมือสำคัญทางการตลาด ทั้งนี้ GIFT ยังสามารถใช้ทรัพยากรบุคคล รวมถึงระบบ Back office และ Fulfillment ของอาร์เอส ในการทำงานและการให้บริการลูกค้าได้ทันที ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณการลงทุนของ GIFT ไปได้มาก
ความร่วมมือของทั้งสองบริษัทหลังการควบรวมกิจการ จะทำให้ อาร์เอส กรุ๊ป เดินหน้าสู่การเป็นบริษัท ‘Consumer Lifestyle’ ที่ประกอบไปด้วย ธุรกิจเพลง สื่อและบันเทิง ธุรกิจด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจบริการด้านสุขภาพสำหรับคนและสัตว์เลี้ยง รวมถึงผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ที่มีช่องทางจัดจำหน่ายของตนเอง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในโลกธุรกิจยุคปัจจุบัน
หลังจาก GIFT เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ อาร์เอส กรุ๊ป แล้ว ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนชื่อบริษัท ‘GIFT Infinite’ เป็น ‘RSXYZ’ ซึ่งบริษัทภายใต้ชื่อใหม่จะลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต ได้แก่ ธุรกิจสุขภาพ ธุรกิจเวลเนส ธุรกิจฮอสพิทอลลิตี้ ธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจการศึกษา
อย่างไรก็ตาม โครงสร้างธุรกิจใหม่ของ อาร์เอส กรุ๊ป จะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงเดือนมกราคม 2568 ปัจจุบัน สามารถแบ่งสัดส่วนโครงสร้างธุรกิจหลักเป็น 2 ส่วน ได้แก่ Consumer Lifestyle 75% และ Entertainment 25%
“มั่นใจว่าด้วยโครงสร้างธุรกิจใหม่ที่ครบถ้วนหลังควบรวมกิจการ จะส่งผลให้ อาร์เอส กรุ๊ป เติบโตและเดินหน้ารุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ ได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สะท้อนกลับไปยังผลประกอบการที่จะสูงขึ้น โดยคาดว่าในปี 2568 อาร์เอสจะมีรายได้ทะลุ 7,000 ล้านบาท” คุณสุรชัยกล่าวปิดท้าย
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE