HomePR NewsSEAC Learning Center เปิด 4 เทรนด์ธุรกิจศูนย์ประชุมและห้องประชุมยุคดิจิทัล

SEAC Learning Center เปิด 4 เทรนด์ธุรกิจศูนย์ประชุมและห้องประชุมยุคดิจิทัล

แชร์ :

ในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การประชุมและการสัมมนาจึงไม่ใช่แค่การรวมตัวกันเพื่อฟังบรรยาย หรือการพบปะเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอีกต่อไป การปรับเปลี่ยนของ SEAC Learning Center ตามเทรนด์นี้ก็เกิดขึ้นเช่นกัน โดยคุณณัฐวุฒิ เทศผล ผู้บริหาร SEAC Learning Center กล่าวให้เห็นภาพมากขึ้นว่า

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

“เทรนด์การปรับตัวของศูนย์ประชุมสู่ยุคดิจิทัล ทำให้เกิดแนวโน้มใหม่ ๆ ที่น่าจับตามอง ไม่ว่าจะเป็นการประชุมแบบ Hybrid ที่มีการทำงานร่วมกันทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ การออกแบบพื้นที่ที่มีความยืดหยุ่นสูง ไปจนถึงการผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยในการจัดการประชุม”

คุณณัฐวุฒิให้ความเห็นว่า ความยืดหยุ่นและการปรับตัวเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้การประชุมสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายขององค์กรด้วย

ทั้งนี้ เทรนด์ดังกล่าวยังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในอนาคตของธุรกิจศูนย์ประชุมที่ SEAC มองเห็น โดยประกอบด้วย

1. การประชุมแบบ Hybrid เพื่อความยืดหยุ่น

การประชุมในรูปแบบ Hybrid ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการประชุมแบบพบหน้ากันและการเข้าร่วมทางออนไลน์ เป็นหนึ่งในรูปแบบที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากความยืดหยุ่นที่มอบให้กับผู้เข้าร่วมประชุม ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนของโลก พวกเขาก็สามารถเข้าร่วมได้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ศูนย์ประชุมระดับโลกอย่าง IMEX America และ World Economic Forum ต่างก็ได้นำรูปแบบนี้มาใช้ในการจัดงานขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยให้การประชุมสามารถดำเนินไปอย่างราบรื่นและเข้าถึงผู้เข้าร่วมได้หลากหลายขึ้น

นอกจากนั้น การประชุมแบบ Hybrid ยังช่วยลดข้อจำกัดเรื่องการเดินทางและค่าใช้จ่าย ทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้จัดงานสามารถขยายขอบเขตการมีส่วนร่วมของผู้เข้าร่วมประชุมจากทั่วโลก โดยไม่จำกัดด้วยขนาดของสถานที่ด้วย

2. ออกแบบพื้นที่ให้สามารถปรับเปลี่ยนได้

คุณณัฐวุฒิกล่าวต่อไปด้วยว่า การออกแบบพื้นที่ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามลักษณะและขนาดของงานประชุม เป็นอีกหนึ่งแนวโน้มที่สำคัญในอุตสาหกรรมนี้ โดยยกตัวอย่างศูนย์ประชุมในยุคปัจจุบัน เช่น Marina Bay Sands ในสิงคโปร์ และ The Moscone Center ในซานฟรานซิสโก ต่างเน้นการใช้พื้นที่ที่สามารถปรับแต่งได้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเปลี่ยนแปลงจากห้องประชุมขนาดใหญ่ให้เป็นพื้นที่สำหรับการประชุมกลุ่มย่อยหลายห้อง หรือการจัดวางที่นั่งที่สามารถปรับให้เหมาะกับงานในแต่ละประเภท

ความยืดหยุ่นนี้ไม่เพียงช่วยให้การจัดงานสะดวกยิ่งขึ้น แต่ยังตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการใช้พื้นที่ที่สามารถรองรับกิจกรรมหลากหลายประเภทได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการประชุมอย่างเป็นทางการ หรือการประชุมกลุ่มย่อยในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย การออกแบบพื้นที่ที่สามารถปรับตัวได้ทันทีจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับอนาคตของศูนย์ประชุม

3. การใช้เทคโนโลยสร้างประสบการณ์เพิ่ม

เทคโนโลยีกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีในการจัดประชุม ศูนย์ประชุมหลายแห่ง เช่น ExCeL London ได้นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้เข้าร่วมประชุม หรือ Singapore Expo ที่ใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์เพื่อติดตามจำนวนผู้เข้าร่วมและปรับปรุงประสบการณ์แบบเรียลไทม์

การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ผู้จัดงานสามารถควบคุมคุณภาพการประชุมได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเวลา การถ่ายทอดสด หรือการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงกิจกรรมในทันที ศูนย์ประชุมที่สามารถบูรณาการเทคโนโลยีล้ำสมัยเหล่านี้จะมีความได้เปรียบในการสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่าคู่แข่ง และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการประชุมได้อย่างเป็นระบบ

4. สามารถให้บริการเฉพาะบุคคล: สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ

ผู้เข้าร่วมประชุมในปัจจุบันคาดหวังมากกว่าแค่การประชุมในห้องธรรมดา แต่ต้องการประสบการณ์ที่ออกแบบมาเฉพาะตัว ศูนย์ประชุมชั้นนำหลายแห่ง เช่น Ritz-Carlton และ Grand Hyatt ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการให้บริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย ไม่ว่าจะเป็นการจัดเตรียมเมนูอาหารที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ขององค์กร ธีมของงาน หรือการออกแบบประสบการณ์ในห้องประชุมให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และวัฒนธรรมของผู้จัดงาน

การให้บริการที่ออกแบบเฉพาะสำหรับแต่ละองค์กร ไม่เพียงช่วยให้การจัดประชุมเป็นไปได้อย่างราบรื่น แต่ยังช่วยสร้างความประทับใจและทำให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกถึงการใส่ใจในรายละเอียด การให้บริการที่เหนือกว่าความคาดหวังเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การประชุมประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง

คุณณัฐวุฒิ เทศผล ผู้บริหาร SEAC Learning Center

“ธุรกิจศูนย์ประชุมที่สามารถตอบโจทย์ทั้งเรื่องคุณภาพและความยั่งยืนจะกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ เพราะในท้ายที่สุด การประชุมที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่การพบปะพูดคุย แต่คือการสร้างแรงบันดาลใจ การเชื่อมต่อ และการเปลี่ยนแปลงที่สามารถขับเคลื่อนอนาคตไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน” คุณณัฐวุฒิกล่าวปิดท้าย

 


แชร์ :

You may also like