ปัญหาสิ่งแวดล้อมและ Climate Change อาจทำให้บริษัทอย่าง Starbucks ซึ่งเป็นผู้ซื้อกาแฟอาราบิกาถึง 3% ของตลาดโลกต้องหาทางเพิ่มความยั่งยืนด้านเมล็ดกาแฟให้กับบริษัท โดยล่าสุดบริษัทเผยว่าได้มีการลงทุนไร่กาแฟเพิ่มใน “กัวเตมาลา-คอสตาริก้า” พร้อมดึงนวัตกรรม เช่น โดรน มาช่วยเกษตรกรเพิ่มผลผลิต – รายได้
ที่มาของการลงทุนในฟาร์มอาจมาจากราคาเมล็ดกาแฟที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยข้อมูลจาก the Bureau of Labor Statistics ของสหรัฐอเมริการะบุว่า ราคากาแฟในเดือนสิงหาคม 2024 สูงขึ้น 24% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม ปี 2010
ขณะที่ราคากาแฟคั่วเพิ่มขึ้น 24.5% และราคากาแฟสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 14.9% เช่นกัน ซึ่งหากไม่มีการเตรียมพร้อมล่วงหน้า ก็อาจหมายถึงการขึ้นราคากาแฟอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หนึ่งในความกังวลก็คือปรากฏการณ์ในบราซิล ที่อุณหภูมิลดลงถึงระดับเยือกแข็งอย่างรวดเร็ว (เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2021) และส่งผลกระทบต่อการผลิตกาแฟ (บราซิลเป็นประเทศผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ที่สุดในโลก) โดยราคากาแฟในช่วงเวลาดังกล่าวพุ่งสูงขึ้นเกือบ 13% ซึ่งหากเป็นเชนร้านกาแฟขนาดใหญ่ ย่อมหมายถึงต้นทุนที่สูงขึ้น และกระทบกับผลประกอบการอย่างแน่นอน
ทดลองใช้โดรน – เทคโนโลยีเพื่อฟาร์มขนาดเล็ก
การทำให้ซัพพลายเชนด้านกาแฟของบริษัทมีความมั่นคงในยุคโลกเดือดจึงเกิดขึ้น โดยไร่กาแฟแห่งใหม่ในคอสตาริก้า พบว่า จะมีการนำเมล็ดพันธ์ต่าง ๆ เข้าไปทดลองเพาะปลูก รวมถึงมีการใช้เครื่องจักร โดรน และเทคโนโลยีอื่น ๆ เข้าไปช่วยเกษตรกรด้วย
ส่วนไร่กาแฟในกัวเตมาลา จะเป็นการเพาะปลูกภายใต้เงื่อนไขของ “ฟาร์มขนาดเล็ก” ซึ่งจะมีความท้าทายอีกแบบที่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟต้องเผชิญ โดยบริษัทชี้ว่า การลงทุนครั้งนี้อาจทำให้บริษัทพบโซลูชันมาช่วยเกษตรกรให้สามารถผลิตกาแฟได้ดีขึ้น รวมถึงต่อยอดไปสู่เครื่องมือและองค์ความรู้ให้เกษตรกรใช้รับมือกับปัญหา Climate Change ได้ด้วยนั่นเอง