เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับ “สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก” Greener Store ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่มาพร้อมดีไซน์เป็นเอกลักษณ์จากทิวเขาไร่กาแฟทางภาคเหนือ
“สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก” นับเป็นโมเดลแฟล็กชิปสโตร์แห่งที่ 4 และสาขาลำดับที่ 517 ในไทย มีพื้นที่ 890 ตร.ม. จำนวน 2 ชั้น รองรับลูกค้าได้มากกว่า 230 ที่นั่ง ส่วนการตกแต่งภายในใช้วัสดุท้องถิ่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมส่งมอบประสบการณ์แสนพิเศษที่มาพร้อมกับความพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น
- กาแฟ Starbucks Reserve คุณภาพเยี่ยม ที่ชงผ่านเครื่องชง Oviso เป็นสาขาที่ 3 ในไทย
- เครื่องดื่ม ขนมอบสดใหม่ เมล็ดกาแฟ Teavana Bar ชารสชาติอร่อนและสดชื่น
- เมนูอาหาร ไม่ว่าจะเป็น Caprese Sandwich ,Paris Ham & Cheese Toast,Truffle Mixed Mushroom Cheese Toast สนนราคา 265 บาทต่อเมนู
- สาขาแรกที่มี Condiment Bar เพื่อความยั่งยืนที่ส่งเสริมให้ลูกค้าล้างแก้วและเทเครื่องดื่มที่เหลือทิ้ง พร้อมทิ้งขยะในที่ที่เหมาะสม
- บาร์ไว้เสิร์ฟค็อกเทลง่ายๆ สบายๆ โดยจะเน้นจำหน่ายเครื่องดื่มแบบ Mixology
นอกจากนี้ยังมีสินค้าดีไซน์พิเศษที่มีเฉพาะสาขานี้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น Woven bag กระเป๋าไม้ดีไซน์พิเศษรักษ์โลก และถ้วยกาแฟคอลเลคชัน เบญจรงค์ “ม่วนใจ๋” ที่มีจำหน่ายเฉพาะที่นี่เท่านั้น โดย “สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก” แห่งนี้ จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 7.00 – 22.00 น. โครงการวัน แบงค็อก อาคาร The Storeys ชั้น G
ถอดแนวคิดดีไซน์ใหม่ “รักษ์โลก” ดึงความต้องการคนไทย รังสรรค์ฟังก์ชันตอบโจทย์ลูกค้า
“สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก” แห่งนี้ได้รับการออกแบบในคอนเซปต์ Third Place หรือบ้านหลังที่สามที่ต้อนรับผู้คนหลากหลายให้สามารถมาแลกเปลี่ยนเรื่องราวและผ่อนคลาย พร้อมเพลิดเพลินกับประสบการณ์กาแฟอันน่าประทับใจ ด้วยการผสมผสานองค์ประกอบทางวัฒนธรรมไทยเข้ากับการออกแบบที่แสดงถึงมรดกทางวัฒนธรรม ท่ามกลางฉากหลังที่มีชีวิตชีวาของกรุงเทพฯ รวมถึงเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ระหว่างสตาร์บัคส์กับชุมชนท้องถิ่น และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยการเชิญดีไซน์เนอร์ของสตาร์บัคส์ไปที่ภาคเหนือ เก็บรวบรวมประสบการณ์นำมารังสรรค์เป็นดีไซน์ของร้านนี้
“แต่ละสาขาเราจะสังเกตว่าคนไทยต้องการอะไร แน่นอนแต่ละสาขามีความแตกต่างออกไป ดังนั้นร้านระดับ Flagship Store แต่ละแห่งจะเป็นสุดยอดโลเคชัน ขนาดอภิมหาโปรเจกต์ ที่แบรนด์ทำการบ้านค่อนข้างเยอะในทุกรายละเอียด” คุณเนตรนภา ศรีสมัย กรรมการผู้จัดการ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย กล่าว
ด้านการออกแบบภายในให้ความสำคัญกับการสะท้อนถึงแก่นแท้ของกาแฟ ชุมชน และการเชื่อมต่อ เพื่อมอบประสบการณ์ Third Place ที่แท้จริง การออกแบบภายในร้านทั้งสองชั้นได้รับแรงบันดาลใจจากทิวเขาที่เป็นพื้นที่เพาะปลูกกาแฟในภาคเหนือของประเทศไทย ที่อยู่ของชุมชนชาวเขาที่มีชีวิตชีวา จนกลายเป็นแนวคิดการออกแบบ เรือนยอดไม้ใหญ่ หรือ Tree Top Canopy ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่ใช้ในการเพาะปลูกกาแฟ
บริเวณชั้นแรกของร้านเป็นตัวแทนของต้นกาแฟ ซึ่งอุทิศให้กับการชงและเสิร์ฟกาแฟ ส่วนชั้นบนสะท้อนถึงเรือนยอดไม้ มีพื้นที่นั่งเล่นในบรรยากาศผ่อนคลายให้กับลูกค้าเพื่อพูดคุยกันและพักผ่อน องค์ประกอบเหล่านี้ได้สร้างพื้นที่ที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่มีความหมาย ท่ามกลางบรรยากาศที่ผสานชุมชนท้องถิ่นเข้ากับประสบการณ์สตาร์บัคส์ที่คุ้นเคย
มีไฮไลท์สำคัญได้แก่ผลงานสิ่งทอบนเพดานโดย Ease Studio และภาพจิตรกรรมฝาผนังอันสวยงามในห้อง Community room โดยศิลปิน ภาวิษา มีศรีนนท์ (PABAJA) ที่เน้นย้ำถึงความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่ปลูกกาแฟที่สำคัญ โดยแผนงานต่อไปสตาร์บัคส์กำลังเดินหน้าในการเปิดร้าน Greener Store จำนวน 20 สาขาในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2567
โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา สตาร์บัคส์ได้เปิดตัว “LITTLE CHOICES. BIG CHANGES.” แคมเปญเพื่อความยั่งยืน เพื่อเชิญชวนให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการสร้างความยั่งยืน ด้วยการมอบส่วนลด 10 บาทสำหรับลูกค้าที่นำแก้วส่วนตัวมาใช้ที่ร้านสตาร์บัคส์ทุกสาขาทั่วประเทศโดยเป็นกิจกรรมที่สตาร์บัคส์ทำมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจุบันมีลูกค้านำแก้วส่วนตัว (Personal Cup) มาใช้แล้วมากกว่า 1.6 ล้านแก้ว
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่สำคัญของสาขาแห่งนี้ก็คือ Condiment Bar เพื่อช่วยในการ “แยกขยะ” ด้วยอินไซต์ที่พบว่าผู้บริโภคต้องการช่วยแยกขยะ แต่อาจจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากพอ สตาร์บัคส์ Greener Store แห่งนี้ จึงจัดทำพื้นที่สำหรับ Condiment Bar ถึง 3 จุด แบ่งเป็น ชั้นล่าง 1 จุด และชั้นบน 2 จุด ลูกค้าสามารถเทน้ำและเศษอาหารที่เหลือ พร้อมทั้งล้างเบื้องต้น ให้เหมาะกับการคัดแยกขยะ
นอกจากนี้ยังมีเครื่องชงแบบ Starbucks OVISO™ เครื่องชงอัตโนมัติ ที่ออกแบบให้ระบบอยู่ด้านล่างเป็นส่วนใหญ่ ทำให้บาร์ริสต้ามีโอกาสพูดคุยให้บริการลูกค้า
เร่งแผนงานขยายปีละ 30 สาขา ตอบโจทย์คอกาแฟเมืองไทย
นอกจากสาขาแฟล็กชิปแห่งนี้แล้ว สตาร์บัคส์ยังมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 5 แห่งในช่วง 2 เดือนนับจากนี้ (จนถึงสิ้นปี 2567) ซึ่งจะทำให้จนถึงสิ้นปีนี้มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 522 แห่ง และจากนี้ไปสตาร์บัคส์จะยังคงเดินหน้าขยายสาขาปีละ 30 แห่งเป็นอย่างน้อย
“ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพและโอกาสเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะในตลาดระดับภูมิภาคซึ่งถือว่าไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง แบรนด์มองเห็นโอกาสดังกล่าว และยังคงเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีร้านกาแฟเกิดขึ้นจำนวนมาก แต่ยังเชื่อว่าสตาร์บัคส์คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดี”
อย่างไรก็ตาม แม้เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Starbucks ได้ประกาศเปิดตัว CEO คนใหม่อย่าง “Brian Niccol” เข้ามาบริหารงาน พร้อมทั้งประกาศวิชันอย่างชัดเจนว่าจะนำสตาร์บัคส์กลับคืนสู่บรรยากาศความเป็นร้านกาแฟแบบแท้จริง แต่ในส่วนของประเทศไทย “คุณเนตรนภา ศรีสมัย” บอกว่า ในส่วนของนโยบายซีอีโอใหม่ หลังได้มีการแสดงวิสัยทัศน์ภาพกว้าง ยังมุ่งเน้นเรื่องกาแฟเป็นหลัก และยังคงมุ่งมั่นเป็นแบรนเด์ที่สร้างแรงบันดาลใจและประสบการณ์ในการเข้าใช้บริการ พร้อมทั้งเน้นการสร้างความสัมพันธ์กับผู้คน ชมชน และการสร้างความยั่งยืนเป็นเป้าหมายหลักสำคัญ
“หลังเปลี่ยนซีอีโอคนใหม่ในระดับโกลบอล หลายคนถามถึงโปรโมชัน 1 แถม 1 ว่าจะยังมีอยู่ไหม แน่นอนเราจะยังคงมีอยู่แต่จะไม่ทำบ่อยเหมือนเดิม การที่ยังคงโปรโมชันนี้อยู่เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้บริการแก่ลูกค้า “คุณเนตรนภา กล่าวทิ้งท้าย
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE