เดินหน้าขยายสาขาเพื่อเจาะตลาดร้านอาหารบริการด่วน หรือ QSR (Quick Service Restaurant) อย่างเต็มสูบ สำหรับ ทาโก้ เบลล์ (Taco Bell) ภายใต้การดำเนินงาน บริษัท สยามทาโก้ จำกัด ในเครือ โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ หรือ TTA เป็นที่รู้จักของธุรกิจตระกูล “มหากิจศิริ” โดยเปิดให้บริการในไทยมาแล้ว 6 ปี โดยปีที่ผ่านมามีรายได้แล้วกว่า 329 ล้านบาท
นับเป็นอีกหนึ่งการเติบโตที่ดีและน่าสนใจอยู่ไม่น้อยท่ามกลางการแข่งขันของตลาดร้านอาหารบริการด่วนเมืองไทยมูลค่ากว่า 45,000 ล้านบาท ที่มีผู้เล่นหลักสุดหินอย่าง ไก่ทอด เบอร์เกอร์ และพิซซ่า
ภายใต้วิชันที่ต้องการเป็น Top of Mind หรือการเป็น Mexican Fast Food No.1 ในใจคนไทยของ “ทาโก้ เบลล์” กับเป้าหมาย 3 ปีข้างหน้าจะต้องมีรายได้แตะระดับ 1,000 ล้านบาท หรือมีจำนวนสาขาราว 50 สาขา (เฉลี่ยเปิดปีละ 8-10 สาขาตลอด 3 ปีนับจากนี้) ทำให้ตลอดช่วงที่ผ่านมาตลาดร้านอาหารจานด่วนเมืองไทย ได้เห็นความเคลื่อนไหวของทาโก้ เบลล์มากขึ้น ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
ย้อนไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา BrandBuffet ได้สัมภาษณ์ “คุณเชน เมืองครุธ” ในฐานะผู้จัดการทั่วไป ซึ่งมีหน้าที่ในการปั้นแบรนด์ให้ติดตลาด ถึงภารกิจของแบรนด์ว่า จากนี้ไปคือการเร่งเครื่องการรับรู้แบรนด์ให้ครบทุกมิติ หรือที่เรียกว่ายุค Taco Bell 2.0 ที่ “บางอย่างจะต้องก้าวไปข้างหน้า แต่บางอย่างก็จำเป็นต้องถอยหลัง” เพื่อกลับมาเริ่มนับหนึ่งในการรุกตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ใหม่
ทำให้นับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา จะพบว่า “TACO BELL” ให้ความสำคัญกับการ Educate ลูกค้า เพื่อสร้างการรับรู้ในความเป็นร้านอาหาร Fast Food สไตล์เม็กซิกัน ทั้งช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์ ไปยังกลุ่มเป้าหมายคนไทย โดยเฉพาะในกลุ่มคนเมืองรุ่นใหม่
สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดของ Taco Bell ฟาสฟู๊ด สไตล์เม็กซิกันก็ได้เดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมเปิดสาขาใหม่ทีเดียวถึง 4 สาขา ใน 3 พื้นที่หลัก ได้แก่
- กรุงเทพ
-สาขา เดอะ ลิตเติ้ลวอร์ค บางนา
– สาขา เดอะ รายา สุรวงศ์
- เชียงใหม่
– สาขา พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า เชียงใหม่
- ภูเก็ต
– สาขา โรบินสัน ถลาง ภูเก็ต
จากปัจจุบันที่มีสาขาทั้งสิ้น 30 สาขา แบ่งเป็น กรุงเทพฯ และปริมณฑล 22 สาขา และต่างจังหวัด อาทิ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ อีก 8 สาขา นอกจากนี้ยังประกาศรับสมัครพนักงานจำนวนมาก ระดับรายได้ตั้งแต่ 12,000-26,000 บาท (แล้วแต่ตำแหน่ง) จะเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ที่อัตราค่าจ้าง 50-55 บาทต่อชั่วโมง มาพร้อมสวัสดิการแบบจัดเต็มเพื่อเข้าทำงานในสาขาใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ค่า Incentive ประกันสังคม ประกันสุขภาพ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ค่าปิดกะ ค่า OT ฯลฯ
ส่องทำเล-โมเดล หลัก ปูพรมร้าน Fast Food สไตล์เม็กซิกันทั่วไทย
การขยายสาขาและรับสมัครพนักงานดังกล่าวนับเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญของทางแบรนด์ที่สะท้อนถึงจุดยืนในการรุกตลาดเมืองไทยอย่างจริงจังตามยุทธศาสตร์ที่ทางแบรนด์วางไว้ใน 3 ส่วนหลัก ได้แก่
- การขยายสาขาในเขตเมืองต่างๆ เพื่อให้พนักงานออฟฟฟิศ กลุ่มคนเมืองได้เห็น ทดลองชิม
- การขยายสาขาในเขตชุมชนหมู่บ้าน ไปจนถึงเขตชานเมือง เพื่อให้กลุ่มคนได้เห็นแบรนด์ Taco Bell อยู่ตลอดเวลา และเกิดการทดลองขึ้น เช่น กลางวันคุ้นชินกับการทานอาหารของร้านที่ในเมือง หากวันหยุดหรือช่วงอยู่บ้านก็สามารถหาทานได้ง่าย
- การขยายสาขาในเมืองท่องเที่ยว ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวที่มีความคุ้นชินกับทาโก้เบลล์ หรืออาหารเม็กซิกันอยู่แล้ว
มีเป้าหมายหลักคือทำให้คนเห็นแบรนด์อยู่ตลอดเวลา โดยมีโมเดลหลักในการขยายสาขาได้แก่
- รูปแบบอินไลน์ (Inline) หรือโมเดลที่สร้างอยู่ในตัวอาคารต่างๆ พื้นที่ตั้งแต่ 100 ตร.ม.ขึ้นไป อาทิ ศูนย์การค้า อาคารต่างๆ
- โมเดลเดลโก้ (Delco) หรือ Delivery Concentrated ที่เน้นดิลิเวอรีเป็นหลัก บนพื้นที่ 60-70 ตร.ม. ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าต่างๆ
- โมเดลสแตนอะโลน (Standalone) และ Shipping Container (ไม่มีตัวอาคารสร้างจากพื้นที่เปล่าๆ) พื้นที่ตั้งแต่ 100 ตร.ม.ขึ้นไป ได้แก่ ปั๊มน้ำมัน ย่านชุมชน และทำเลที่มีศักยภาพ
ทั้งนี้เมื่อส่องผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปี จาก https://data.creden.co/ ของ บริษัท สยามทาโก้ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจของ “TACO BELL” พบว่า
- ปี 2562 มีรายได้ 89,037,453 ล้านบาท
- ปี 2563 มีรายได้ 99,074,325 ล้านบาท
- ปี 2564 มีรายได้ 122,042,427 ล้านบาท
- ปี 2565 มีรายได้ 209,546,591 ล้านบาท
- ปี 2566 มีรายได้ 329,986,870 ล้านบาท
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE
อ่านเพิ่มเติม