โค้งสุดท้ายปลายปี “ศุภาลัย” เปิดตัวคอนโดมิเนียน 4 โครงการใหม่ ทำเล เจริญนคร สาทร-ราชพฤกษ์ ภูเก็ต และหัวหิน มูลค่าโครงการรวม 5,800 ล้านบาท มองโอกาสซัพพลายคอนโดลดลง แต่ดีมานด์ยังมีทั้งซื้ออยู่เองและลงทุนปล่อยเช่า ชูจุดแข็งบริหารต้นทุนได้ดี ธุรกิจมีความเสี่ยงต่ำ ทำให้ผลประกอบการดี เสนอราคาขายคอนโดได้ต่ำกว่าตลาด 10-20% เมื่อเทียบทำเลเดียวกัน
สถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวและความเข้มงวดปล่อยสินเชื่อของธนาคารในครึ่งปีแรก 2567 ทำให้ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวตามไปด้วย แต่ปัจจุบันเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดที่ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดมิเนียมที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
คุณไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าหากดูเทรนด์ตลาดคอนโดหลังโควิด พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไปชัดเจน คือ 1. ลูกค้าอยากได้ห้องชุดที่มีฟังก์ชันหลากหลาย พื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น 2. ราคาจับต้องได้ 3. โลเคชันดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ แม้ไม่ต้องดีที่สุด และ 4. ชุมชนที่ดี
ข้อมูลจาก AREA พบว่าสถิติยอดขายคอนโดครึ่งปีแรก 2567 ทำได้ไม่ถึง 60% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากมีคอนโดเปิดตัวใหม่ลดลงในปีนี้ จากปัจจัยการขอ EIA ได้ล่าช้า ตัวเลขย้อนหลัง 5 ปี ก่อนโควิดมีโครงการคอนโดผ่าน EIA เดือนละ 15 โครงการ ปีนี้เหลือเดือนละ 5 โครงการ ทำให้ซัพพลายคอนโดใหม่ในตลาดลดลง
ขณะที่ตลาดเริ่มฟื้นตัวและยังมีดีมานด์ เห็นได้จากยอดขายคอนโดพร้อมโอนของศุภาลัยปีนี้ทำสถิติสูงสุด เนื่องจากคอนโดแต่ละทำเลไม่มีซัพพลายเกิดขึ้น
เปิดตัวคอนโดใหม่ 4 โครงการ ชูราคาต่ำกว่าตลาด 10-20%
“ศุภาลัย” มองเห็นโอกาสคอนโดฟื้นตัว ไตรมาสที่ 4 ปีนี้ จึงเปิดตัว 4 โครงการใหม่ ใน 4 ทำเล ทั้งกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ คือภูเก็ตและหัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่าโครงการรวม 5,800 ล้านบาท
1. SUPALAI TYME เจริญนคร
– คอนโดสูง 28 ชั้น จำนวน 461 ยูนิต ขนาดพื้นที่โครงการ 3 ไร่
– ห้องพักตั้งแต่ 1-3 ห้องนอน ขนาด 35-118 ตารางเมตร ห้อง Duplex Living 2-3 ห้องนอน 92-163.5 ตารางเมตร
– ราคายูนิตละ 2.59 – 18.32 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 70,500 บาทต่อตารางเมตร
2. SUPALAI BLU สาทร-ราชพฤกษ์
– คอนโดสูง 32 ชั้น จำนวน 771 ยูนิต ขนาดพื้นที่โครงการ 4 ไร่กว่า
– ห้องพักตั้งแต่ 1-3 ห้องนอน ขนาด 29-122.5 ตารางเมตร
– ราคายูนิตละ 1.89 – 11.09 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 64,000 บาทต่อตารางเมตร
3. SUPALAI SENSE เขารัง ภูเก็ต
– คอนโดโลว์ไรส์ 2 อาคาร อาคาร A 9 ชั้น จำนวนห้องพัก 105 ยูนิต และอาคาร B สูง 8 ชั้น จำนวน 116 ยูนิต รูปแบบห้องพัก 1-2 ห้องนอน ขนาด 35–73 ตารางเมตร
– ทำเลใจกลางเมืองภูเก็ต เป็นคอนโด Pet Friendly เลี้ยงสัตว์ได้แห่งแรกของศุภาลัย เป็นหนึ่งในทำเลที่มีดีมานด์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
– ราคายูนิตละ 2.69 – 6.62 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 73,000 บาทต่อตารางเมตร
– วัตถุประสงค์การซื้อคอนโดภูเก็ต ซื้ออยู่เอง 49% ลงทุนปล่อยเช่า 27% พักผ่อนช่วงวันหยุด 24%
– กลุ่มเป้าหมายคือคนภาคใต้ใกล้เคียงจังหวัดภูเก็ต 44% คนภูเก็ต 26% ต่างชาติ 7% คนกรุงเทพฯ 6%
4. SUPALAI KRAM เขาเต่า ประจวบคีรีขันธ์
– คอนโดโลว์ไรส์ สูง 5 ชั้น จำนวน 4 อาคาร ห้องพักเอ็กซ์คลูซีฟ 84 ยูนิต บนพื้นที่โครงการกว่า 3 ไร่ ใกล้ทะเลและอ่างเก็บน้ำเขาเต่า รูปแบบห้องพัก 2 ห้องนอนทั้งโครงการ ขนาด 53-82.5 ตารางเมตร
– ราคายูนิตละ 3.59 – 8.50 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 60,500 บาทต่อตารางเมตร
– ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายครอบครัว (ชาวต่างชาติที่มีครอบครัวในไทย)
“ศุภาลัย” พัฒนาคอนโดมาแล้ว 9 จังหวัด รวม 90 โครงการ จำนวน 65,600 ยูนิต จึงมีความเชี่ยวชาญในตลาดกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ การเปิดตัวคอนโด 4 โครงการใหม่ในไตรมาส 4 ปีนี้ ทุกโครงการเน้นฟังก์ชันตามเทรนด์ผู้บริโภคที่ต้องการห้องขนาดใหญ่ขึ้น คอนโดของศุภาลัยส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ 35 ตารางเมตร
นอกจากนี้ยังชูจุดขาย “ราคาต่ำกว่า” คอนโดอื่นๆ ในทำเลเดียวกัน 10-20% อย่างทำเล “เจริญนคร” ที่พัฒนาโครงการมาต่อเนื่องตลอด 10 ปีที่ผ่านมา โครงการใหม่ SUPALAI TYME เจริญนคร เปิดราคาเริ่มต้นที่ 70,500 บาทต่อตารางเมตร ขณะที่คอนโดอื่นๆ ทำเลเดียวกันติดถนนเจริญนคร ราคาเริ่มต้น 120,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไป
เช่นเดียวกับคอนโด SUPALAI KRAM เขาเต่า ประจวบคีรีขันธ์ ที่ราคาขายเริ่มต้น 60,500 บาทต่อตารางเมตร ขณะที่คู่แข่งในทำเลเดียวกันราคาเริ่มต้น 90,000 บาทต่อตารางเมตร
“การเปิดตัวคอนโดด้วยการตั้งราคาต่ำกว่าตลาดในทำเลเดียวกัน เพราะเราต้องการสร้างยอดขายไตรมาส 4 ปีนี้ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ในช่วงต้นปี มองแนวโน้มตลาดคอนโดปี 2568 ศุภาลัยจะเปิดตัวโครงการและมูลค่าได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว”
ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่ากลยุทธ์ที่ศุภาลัย สามารถทำราคาคอนโดได้ต่ำกว่าตลาด 10-20% มาจากจุดแข็งวิธีบริหารที่มีความเสี่ยงต่ำสุดทั้งธุรกิจและการเงิน ด้วยการขยายธุรกิจที่มี Economy of Scale จึงบริหารต้นทุนได้ต่ำ ทำให้มีกำไรที่ดี
มองแนวโน้มธุรกิจอสังหาฯ หลังจากนี้มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี โดยเฉพาะการปรับขึ้นของตลาดหุ้น ทำให้คนรายได้สูงที่ลงทุนในหุ้น รู้สึกดีขึ้น สามารถปล่อยขายหุ้นบางส่วนออกไป และมีเงินมาจองซื้อคอนโดได้มากขึ้น รวมทั้งทิศทางดอกเบี้ยที่หลายประเทศปรับลดลง หากมีการลดดอกเบี้ยลง 1% จะทำให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น 6% โดยทั่วโลกมีหลายประเทศประกาศลดดอกเบี้ย มากกว่าประเทศที่ขึ้นดอกเบี้ย ธุรกิจอสังหาฯ ต้องการจุดเปลี่ยนที่เป็นปัจจัยบวกโดยเฉพาะข่าวดีเรื่องดอกเบี้ยที่จะช่วยกระตุ้นตลาดได้มาก
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE