HomePR Newsกลุ่มพูลผล และกลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส จัดงานฟอรั่มใหญ่แห่งปี Transforming Tomorrow : The Innovation Forum Experience [PR]

กลุ่มพูลผล และกลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส จัดงานฟอรั่มใหญ่แห่งปี Transforming Tomorrow : The Innovation Forum Experience [PR]

ชูวิสัยทัศน์ ผู้นำสินค้ากลุ่มพลาสติกชีวภาพ ตอบโจทย์การดูแลสิ่งแวดล้อม “ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์” ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไบโอพลาสติกอย่างยั่งยืน

แชร์ :

บริษัท เอส เอ็ม เอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (SMS Corporation Company Limited) หนึ่งในกลุ่มพูลผลผู้นำด้านธุรกิจการเกษตรมากว่า 80 ปี ผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังดัดแปรระดับโลก ล่าสุดได้จัดฟอรั่ม Transforming Tomorrow :The Innovation Forum Experience ตอกย้ำผู้นำสินค้ากลุ่ม Bioplastic หรือพลาสติกชีวภาพ โดยร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนเปิดเวทีแสดงวิสัยทัศน์ ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไบโอพลาสติกอย่างยั่งยืน โดยมี นายดนัยธนิต พิศาลบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท พูลผล จำกัด เป็นประธานเปิดงาน ภายในงานยังมีเสวนา ภายใต้หัวข้อ “Thai Bioplastic Industries : Opportunities and Challenges” จัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 ณ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ดร.วีรวัฒน์ เลิศวนวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส ในฐานะผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังดัดแปรคุณภาพสูง เปิดเผยว่า การจัดงานสัมมนาในครั้งนี้ ถือเป็นเวที Innovation Business Forum เป็นครั้งแรกที่ “กลุ่มพูลผล” ได้ริเริ่มขึ้น โดยชูประเด็นเรื่องการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ตอบโจทย์เรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นเวทีในการถ่ายทอดนวัตกรรมเกี่ยวกับพลาสติกชีวภาพ ให้แพร่หลายในวงกว้าง และเพื่อเพิ่มปริมาณการใช้พลาสติกชีวภาพในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมุ่งตอบโจทย์เรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม และปัญหาระดับโลกในเรื่อง “ภาวะโลกร้อน”  (Global Warming) ที่ปัจจุบันพัฒนาสู่ “ภาวะโลกเดือด” (Global Boiling) และเรื่อง “พลาสติกล้นโลก” ซึ่งทำให้โลกไม่น่าอยู่

“ทุกๆ ปีเกิดพลาสติกขึ้นมา 400 ล้านตัน อ้างอิงตาม องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (World Wide Fund for Nature) ระบุว่า พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง (single-use plastic) คิดเป็น 60% โดยใน 400 ล้านตันนี้ โดยมีคนที่ปฏิบัติตามแนวคิด 3R Reduce ลดการใช้ Reuse นำกลับมาใช้ซ้ำ และ Recycle นำกลับมาใช้ใหม่ เพียง 10% เท่านั้น ถือเป็นอัตราที่ต่ำมาก ส่วนประเทศไทยแต่ละปี มีขยะพลาสติกรวม 2 ล้านตัน มีเพียงแค่ 25% ที่ปฏิบัติตามแนวคิด 3R ดังนั้น แนวคิดที่ SMS อยากมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาในระดับโลก คือการใช้พลาสติกชีวภาพจากแป้งมันสำปะหลังของเรา มาตอบโจทย์ในเรื่องนี้ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าฟอรั่มนี้จะเป็นประโยชน์ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาของโลกให้น่าอยู่กว่านี้ สามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว” ดร.วีรวัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับงานวิจัยและพัฒนา โดยปัจจุบันมีบุคลากรด้านนี้ร่วม 10% ของพนักงานกว่า 1,000 คน มุ่งศึกษางานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลาสติกชีวภาพ ทั้งด้านเครื่องมือขึ้นรูปและทดสอบวัสดุ ต่อยอดองค์ความรู้และนวัตกรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลัง ต่อยอดเป็นพลาสติกชีวภาพจากมันสำปะหลัง ที่ตอบโจทย์ในด้านคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์และต้นทุนการผลิตตามความต้องการของตลาด ก้าวสู่ BCG Economy (เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว) หนึ่งในนั้นคือ เทอร์โมพลาสติกสตาร์ช (Thermoplastic Starch) นวัตกรรมพลาสติกสลายตัวได้ทางชีวภาพ เพื่อเพิ่มมูลค่า ให้แป้งมันสำปะหลังและส่งเสริมการรักษ์สิ่งแวดล้อม

กลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส นับเป็นผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพของประเทศไทย โดยเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเม็ดพลาสติกชีวภาพจากแป้งมันสำปะหลังดัดแปรรายแรกของประเทศ ภายใต้แบรนด์ TAPIOPLAST® ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการนำนวัตกรรมมาใช้ในการแปรรูปวัตถุดิบทางการเกษตรของไทยให้เกิดมูลค่าเพิ่ม  TAPIOPLAST® เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายในการใช้งาน สามารถนำไปผลิตเป็นสินค้าได้หลายประเภท ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันอย่าง ถุงหูหิ้ว ถุงขยะ หลอด และต้นไม้ประดับ ไปจนถึงฟิล์มคลุมสำหรับการเกษตร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพของเม็ดพลาสติกชีวภาพ TAPIOPLAST®   นอกจากนี้ บริษัทยังได้พัฒนานวัตกรรมล่าสุดคือ เส้นพลาสติกย่อยสลายได้สำหรับเครื่องพิมพ์ 3D ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาผสานกับแนวคิดการรักษาสิ่งแวดล้อม    โดยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ TAPIOPLAST® คือความสามารถในการย่อยสลายได้ทางชีวภาพภายใต้สภาวะที่เหมาะสม โดยไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในปัจจุบัน

นอกเหนือจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส ยังมีวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว  และล่าสุด บริษัทได้ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ด้วยการเปิดตัวบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้แบรนด์ YES BIO โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับวงการบรรจุภัณฑ์อาหารให้ตอบโจทย์ความต้องการของสังคมและโลกมากยิ่งขึ้น การเปิดตัว YES BIO แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการขยายผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไปสู่ตลาดผู้บริโภคโดยตรง

ความพยายามของกลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของโลกที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนมากขึ้น

สำหรับกลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส  หนึ่งในกลุ่มพูลผล ก่อตั้งมากว่า 40 ปี เป็นผู้นำในการผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปรคุณภาพสูงของประเทศไทยและของโลก ที่ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมที่หลากหลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเป็นผู้ริเริ่มนำแป้งมันสำปะหลังซึ่งเป็นสินค้าสำคัญทางการเกษตรมาดัดแปรโดยใช้เทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่มันสำปะหลัง เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหาร ยา กระดาษ สิ่งทอ กาว อาคารและสิ่งก่อสร้าง รวมถึงพลาสติกชีวภาพ  ปัจจุบันกลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส  มีโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปรทั้งหมด 3 แห่ง ในจังหวัดปทุมธานี ชัยภูมิ และบุรีรัมย์ ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 400,000 ตันต่อปี ส่งผลให้กลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส ครองตำแหน่งเป็นผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปรของคนไทยรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย กลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส  ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมยังคงมุ่งเน้นการเป็นส่วนหนึ่งของ สังคม สิ่งแวดล้อมและชุมชนเพื่อความเติบโตและพัฒนาร่วมกันอย่างยั่งยืน


แชร์ :

You may also like