ภาพรวมเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ได้รับปัจจัยบวกจากรัฐบาลจัดทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 (เงินโอน 10,000 บาท) โดยทยอยโอนในช่วงปลายไตรมาส 3 ช่วยสนับสนุนให้การบริโภคภาคเอกชนในสินค้าทั่วไปปรับตัวดีขึ้นและคาดว่าจะดีต่อเนื่องในระยะต่อไป
อีกทั้งภาคการท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาจำนวน 8.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
นับเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีก โดย บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) สรุปผลการดำเนินงาน ดังนี้
– ไตรมาส 3 มีรายได้รวม 241,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยเพิ่มขึ้นทุกกลุ่มธุรกิจทั้งร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค
-ไตรมาส 3 มี กำไรสุทธิ 5,608 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ (หลังปรับปรุงรายการ คือกำไรสิทธิไม่รวมกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการควบรวมบริษัทของ บมจ.ซีพีแอ็กซ์ตร้า) จำนวน 6,190 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44%
– งวด 9 เดือน มีรายได้ 730,233 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% และมีกำไรสุทธิ 18,167 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ (หลังปรับปรุงรายการ) 18,458 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
– สัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven และธุรกิจอื่นๆ 52% และธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและศูนย์การค้า 48%
ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven เปิดทะลุ 15,053 สาขา
สำหรับธุรกิจการร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ไตรมาส 3 สรุปได้ดังนี้
– รายได้จากการขายสินค้าและบริการ 107,850 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.8% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน
– กำไรสุทธิ 4,467 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.4% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน
– เปิดร้านสาขาใหม่รวมทั้งสิ้น 199 สาขา ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 มีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศรวม 15,053 สาขา
– ไตรมาสนี้มียอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวัน 81,781 บาท และยอดขายเฉลี่ยของร้านสาขาเดิมเพิ่มขึ้น 3.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
– ยอดซื้อต่อบิล 84 บาท จำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 964 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน
– สัดส่วนรายได้จากการขาย 76.3% มาจากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และ 23.7% มาจากสินค้าอุปโภค
ปัจจัยหลักธุรกิจร้านสะดวกซื้อเติบโต มาเศรษฐกิจดีต่อเนื่อง ทั้งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน ซึ่งธุรกิจร้านสะดวกซื้อยังคงใช้กลยุทธ์ที่สอดรับกับสถานการณ์ตลอดเวลา โดยคำนึงถึงการรักษาฐานลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ โดยนำเสนอสินค้าใหม่ๆ พร้อมกับโปรโมชันเพื่อดึงดูดลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา
ประกอบกับความพยายามในการเพิ่มรายได้จากการขายสินค้า ผ่านกลยุทธ์ O2O อาทิ 7-Delivery และ All Online สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี โดยมีสัดส่วน 11% ของรายได้จากการขายสินค้ารวม
ธุรกิจร้านสะดวกซื้อยังมีรายได้อื่นอีกจำนวน 6,723 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมาจากรายได้การใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของสาขา อาทิ การให้เช่าพื้นที่ บริการ และอื่นๆ ในขณะที่มีการบันทึกเงินปันผลรับจากบริษัทย่อยจำนวน 1,145 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 มีร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในประเทศกัมพูชา 98 สาขา และมีสาขาในประเทศลาว 9 สาขา เป้าหมาย ปี 2567 ลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่ในประเทศไทยรวม 700 สาขา คาดว่าจะใช้งบลงทุน 12,000 – 13,000 ล้านบาท
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE