การสำรวจของบริษัทที่ปรึกษากำลังชี้ว่า Gen AI กำลังถูกนำไปใช้ในองค์กรต่าง ๆ อย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา เช่น ผลการศึกษาของ McKinsey ที่คาดการณ์ว่า Gen AI อาจเพิ่มมูลค่าให้กับกำไรต่อปีของบริษัททั่วโลกได้ถึง 4.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และ 75% ขององค์กรกำลังทดลองใช้ Gen AI ใน 5 หรือมากกว่า 5 ฟังก์ชันอยู่
ขณะที่การ์ทเนอร์ระบุว่า เกือบครึ่งหนึ่งขององค์กรธุรกิจได้ขยับจากการสำรวจความเป็นไปได้ของการใช้ AI ไปสู่การทดลองนำร่อง โดยมี 10% ที่ก้าวสู่ขั้นตอนการเริ่มใช้งานจริงแล้ว
ผู้ใช้ Gen AI ที่ก้าวล้ำที่สุดจะได้เปรียบ
ในมุมของผู้บริหารเองก็พบว่า มากกว่า 3 ใน 4 ของผู้บริหารที่สำรวจมองว่าตนต้องเริ่มใช้ Gen AI อย่างรวดเร็วเพื่อให้ก้าวทันคู่แข่ง ขณะที่ 72% ของผู้บริหารระดับสูงมองว่า ผู้ที่มี Gen AI ที่ก้าวล้ำที่สุดจะมีความได้เปรียบในการแข่งขัน
ขณะที่ประเทศไทยเอง Statista คาดว่าในประเทศไทย ขนาดตลาด Gen AI จะเติบโตถึง 179.50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2024 และจะเติบโตเฉลี่ย 46.48% ต่อปี จนมีขนาด 1,773 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2030
ตามรายงาน Thailand Digital Technology Foresight 2035 ของ DEPA คาดว่าการใช้งาน AI ในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเกินกว่า 50% ภายในปี 2030 จาก 17% ในปี 2019 โดยตลาด AI ของไทยจะมีมูลค่าประมาณ 114 พันล้านบาทภายในปี 2030 และจะมีกว่า 300 ยูสเคสด้าน AI โดยเฉพาะในภาคการผลิต ประกันภัย ยานยนต์ และสาธารณสุข
โครงการด้าน Gen AI 30% จะถูกปล่อยทิ้ง
ในส่วนของ IBM มีข้อมูลจาก IBV หรือ IBM Institute for Business Value ประเมินว่า Gen AI ช่วยให้ ROI ของ AI เพิ่มขึ้นจาก 13% เป็น 31% นับตั้งแต่ปี 2022 โดยในปี 2022 ค่า ROI เฉลี่ยของ AI อยู่ที่ 13% แต่ผลของการนำ Gen AI มาใช้ในช่วงแรก (ที่นำโดยโครงการนำร่องที่ประสบความสำเร็จ) ทำให้ ROI เพิ่มขึ้นเป็น 31% ในปี 2023
อย่างไรก็ดี องค์กรจะเริ่มถอยห่างออกจาก AI เนื่องจากเผชิญความซับซ้อนในการนำ Gen AI มาใช้ในฟังก์ชันหลักต่าง ๆ ทางธุรกิจ และเป็นไปได้ว่า โครงการด้าน Gen AI 30% จะถูกปล่อยทิ้ง หลังจากได้เริ่มทำ proof of concept ไปแล้ว (อ้างอิงจากการ์ทเนอร์) เช่นเดียวกับรายงาน 2024 AI Governance Report ล่าสุดของไอบีเอ็ม ที่พบว่า เกือบครึ่งหนึ่งของซีอีโอที่สำรวจระบุว่ามีความกังวลเกี่ยวกับความถูกต้องและอคติของ Gen AI
นอกจากนั้น IBM ยังพบว่า 45% ขององค์กรในอาเซียนไม่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่พร้อมรองรับ AI และ 65% ของ CIO ไทยระบุว่าความเสี่ยงเชิงเทคนิคและสถาปัตยกรรมด้านไอทีของตน มีส่วนเกี่ยวข้องกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่ตนใช้บริการอยู่ (เช่น เรื่องเวนเดอร์ล็อคอินของผู้ให้บริการคลาวด์) เป็นต้น
ธุรกิจไทยเล็งใช้ AI ราคาประหยัด
สำหรับการแข่งขันในปี 2025 คุณอโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด ให้ทัศนะว่า “ธุรกิจเริ่มเปลี่ยนความคิด จากเดิมที่มองว่าโมเดล AI ขนาดใหญ่คือ AI ที่มีความสามารถมากกว่า แต่เทคโนโลยี LLM ที่มีขนาดใหญ่และมีความต้องการใช้พลังงานสูง กลายเป็นเรื่องที่จะเป็นภาระที่ไม่สมเหตุสมผลในระยะยาวขององค์กร”
“ยิ่งโมเดลมีขนาดใหญ่ ก็ยิ่งต้องการทรัพยากรในการประมวลผลมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความล่าช้า ต้นทุนค่าใช้จ่าย การใช้พลังงาน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้ หลายองค์กรจึงเริ่มมองถึงโมเดลที่เล็กลง ปรับจูนได้ เชื่อถือได้ และได้รับการเทรนด้วยข้อมูลเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขององค์กร ที่ตอบโจทย์การใช้งานและความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของแต่ละองค์กรโดยไม่ก่อให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น”
ในจุดนี้คุณอโณทัยมองว่า ไอบีเอ็มมีโมเดล Granite 3.0 ซึ่งเป็นโมเดล AI ขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งเมื่อรวมกับข้อมูลขององค์กร จะสามารถมอบประสิทธิผลสำหรับภาระงานที่เฉพาะเจาะจงกับแต่ละองค์กร ได้ เทียบเท่ากับแบบจำลองขนาดใหญ่ ในราคาที่ต่ำกว่า (พร้อมยกตัวอย่างราคาเริ่มต้นที่เคยมีการให้บริการ 60,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2 – 3 ล้านบาท) ออกมาให้บริการด้วย
การไฟฟ้าฯ ใช้ AI ลดเวลารอ “ชาร์จไฟ” 80%
ในส่วนของการใช้งาน Gen AI ของไอบีเอ็มในตลาดไทยพบว่ามีหลากหลาย โดยกรณีที่น่าสนใจเป็นการทำงานร่วมกันของไอบีเอ็มและคอมพิวเตอร์ยูเนี่ยน (ดิสทริบิวเตอร์ของไอบีเอ็ม) ใช้ watsonx Assistant ให้บริการแอปชาร์จแบตเตอรี่รถ EV อย่าง ‘PEA VOLTA’ โดยพบว่าสามารถลดเวลาการรอคอยของลูกค้าลงได้ถึง 80% (จาก 5 นาทีเหลือ 1 นาที) และลดเวลาที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาแต่ละเคสลงถึง 50% (จาก 10 นาทีเหลือ 5 นาที) พร้อมทั้งลดจำนวนเคสที่เปิดลงถึง 90% ขณะเดียวกันก็เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้ด้วย
นอกจากนั้น ยังมีกรณีของ IRPC ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีนำ watsonx มาทดลองใช้กับงานวางแผนการบำรุงรักษา ผลการทดลองพบว่าสามารถลดเวลาที่ใช้ในการจัดการการบำรุงรักษาลงจาก 450,000 ชั่วโมงเหลือ 150,000 ชั่วโมงต่อปี หรือประมาณ 33% ของเวลาที่ใช้ในการจัดการการบำรุงรักษา
เช่นเดียวกับ BLCP Power ได้นำ watsonx มาทดลองใช้กับกระบวนการการตรวจสอบงบประมาณการบำรุงรักษาในอดีตและข้อเสนอแนะ ผลการทดลองพบว่าสามารถประหยัดเวลาในการวิเคราะห์งบประมาณลงได้ 50% (จาก 60 นาทีต่อรายงานเหลือ 30 นาที) และลดเวลาที่ทีม IT ต้องใช้ในการสนับสนุนลงจาก 30 นาทีเหลือ 1 นาที
ทั้งนี้ คุณอโณทัยกล่าวด้วยว่า ในปี 2025 ไอบีเอ็มจะเดินหน้าให้ความรู้กับองค์กรต่าง ๆ รวมถึง SME ไทยเกี่ยวกับการใช้งาน Gen AI เพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ โดยมีกลุ่มเป้าหมายได้แก่ ภาคอุตสาหกรรม เฮลท์แคร์ และภาคการศึกษา