“ภูเก็ต” หนึ่งในหัวเมืองสำคัญของไทยมีการเติบโตด้านเศรษฐกิจและท่องเที่ยว สูงเป็นอันดับต้นๆ มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวเป็นอันดับ 1 ของภาคใต้ และอันดับ 12 ของประเทศ อีกทั้งยังมีราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 700% ในรอบ 20 ปี มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมากโดยแต่ละคนมีค่าใช้จ่าย 34,336 บาทต่อคน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูง และยังคาดว่า GDP ของจังหวัดภูเก็ตในปี 2567 จะเติบโตในระดับเกือบ 20% ดีกว่าภาพรวมของทั้งประเทศ
การเติบโตที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปีของ “ภูเก็ต” ทั้งด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทำให้มีกลุ่มทุนมากมายตั้งแต่ ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ แบรนด์ดัง ต่างจ้องปักหมุดชิงพื้นที่ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา “เซ็นทรัลพัฒนา” คือหนึ่งยักษ์ใหญ่ที่เดินหน้าลงทุนโครงการต่างตลอดช่วงที่ผ่านมา มีโครงการต่างๆมาแล้วมากมายทั้ง ศูนย์การค้า คอนโด หมู่บ้าน ฯลฯ
ทุ่ม 1,000 ล้าน ขยาย “เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟอเรสต้า” เฟสใหม่ เพิ่มแบรนด์ Ultra Luxury ปั้น Super Luxury Mall แดนใต้เทียบชั้น “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่”
สิ่งที่น่าจับตาในการลงทุนช่วง 1-2 ปีนับจากนี้คือ การทุ่มงบกว่า 1,000 ล้านบาท ขยาย “เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟอเรสต้า” เฟส 2 ซึ่งเป็นการขยายพื้นที่ เพิ่มขึ้น 2 หมื่น ตร.ม. จากเดิมที่มี GFA 180,000 ตร.ม. เป็น 200,000 ตร.ม. โดยจะมีการเพิ่มแบรนด์หรู 12-13 แบรนด์ ในพื้นที่โซนลักชัวรีให้สามารถรองรับแบรนด์หรูที่เตรียมจะปักหมุดมากขึ้น พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มกำลังซื้อสูงและนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์จากทั่วโลกเติมเต็มศักยภาพของจังหวัดภูเก็ตในการเป็น “The World’s Luxury Destination” ไลฟ์สไตล์ลักชัวรีที่สมบูรณ์แบบที่สุดในเอเชีย เทียบเท่าเมืองตากอากาศหรูระดับโลก
ซึ่งการขยายพื้นที่ในครั้งนี้จะทำให้มีแบรนด์ระดับ Ultra Luxury and Bridge Line รวมทั้งสิ้น 25 แบรนด์ (อาจเพิ่มเป็น 30 แบรนด์ในอนาคต) จากปัจจุบันที่มีอยู่ทั้งสิ้น 16 แบรนด์ อาทิ BALENCIAGA, BOTTEGA VENETA, BURBERRY, BVLGARI, CELINE, DIOR, GUCCI, HERMÈS, LOUIS VUITTON, OMEGA, PMT THE HOUR GLASS, PRADA, SAINT LAURENT, TIFFANY & CO., VERSACE, ZEGNA
โดยในปีนี้มีการเปิดแบรนด์หรูต่าง ๆ ได้แก่
- LOUIS VUITTON บูติกส่วนต่อขยายใหญ่ที่สุดในภาคใต้
- PRADA บูติกใหม่ ขนาด 597 ตารางเมตร ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
- TIFFANY & CO. แฟล็กชิพสโตร์
- BVLGARI ป๊อป-อัพ เผยโฉมครั้งแรกนอกกรุงเทพฯ
- CELINE เตรียมเปิดเดือนธันวาคม นี้
- แบรนด์ที่ Relocate อย่าง BOTTEGA VENETA, BALENCIAGA, YSL เป็นต้น
- แบรนด์สตรีทระดับโลก อย่าง Lululemon สาขาแรกนอกกรุงเทพฯ
- ZARA Flagship Store คอนเซปต์ใหม่ล่าสุด ใหญ่ที่สุดใน South East Asia บนพื้นที่กว่า 1,800 ตารางเมตร
สำหรับ “เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟอเรสต้า” เฟสใหม่จะแล้วเสร็จกลางปี 2569 และด้วยการขยายแบรนด์เป็นลักชัวรี่ใหม่ทั้งหมดนี้ จะทำให้อีก 2 ปี “เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟอเรสต้า” กลายเป็น Super Luxury Mall เต็มรูปแบบที่รวมแบรนด์หรูมากที่สุดหนึ่งเดียวนอกกรุงเทพฯ ของทางเซ็นทรัลพัฒนา
“หากส่วนขยายของเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟอเรสต้าแล้วเสร็จ จะกลายเป็น Super Luxury Mall แห่งแดนใต้ หรือจะเรียกว่าเทียบชั้น เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ เลยก็ว่าได้ ที่จะมาช่วยส่งเสริมศักยภาพการเติบโตของตลาด Luxury ในพื้นที่แห่งนี้”
ทั้งนี้ปัจจุบันทราฟฟิกปัจจุบัน เฉลี่ย 80,000 คน/วัน คาดหลังขยายโซนแล้วเสร็จ จะเพิ่ม 25% เป็น 100,000 คน /วัน แบ่งเป็นชาวต่างชาติ 70% และคนไทย 30% นักท่องเที่ยว 5 อันดับแรกที่เข้าใช้บริการศูนย์การค้า: Russia, China, USA, Singapore, Hongkong
คนรุ่นใหม่ ซื้อสินค้าหรูเพิ่มอีกปัจจัยดันตลาดลักชูรี่ “ภูเก็ต” โตไกล
เมื่อโฟกัสมาที่ตลาดลักชูรี่ไทยปัจจจุบัน พบว่า มีมูลค่ามากกว่า 5 พันล้านเหรียญ หรือมีมูลค่าราว 1.7 แสนล้านบาท มีการคาดการณ์ว่าเติบโตเฉลี่ย 6.15% ต่อปี เป็นการเติบโตท่ามกลางตลาดสินค้าหรูทั่วโลกชะลอตัว วัดได้จากเม็ดเงินโฆษณาแบรนด์หรูต่างๆ ที่ Target ในไทย โตถึง 214% ในครึ่งปีแรกของปี 2567 สูงที่สุดในเอเชีย ขณะที่ช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาลักชัวรี่ภูเก็ตโต 10-15% ซึ่งแทบสูงกว่าการเติบโตในกรุงเทพ
นั่นทำให้แบรนด์หรูระดับโลกหลายแบรนด์เริ่มหันมาใช้ KOLs ไทยในฐานะ Brand Ambassador สะท้อนอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะกับกลุ่ม Young Gen จากศักยภาพดังกล่าว โดยข้อมูลจาก The 1 พบว่า Spending per Visit ของ The 1 Member สูงกว่าศูนย์อื่น 5 เท่า และ Spending per Visit ของ The 1 Exclusive สูงกว่าศูนย์อื่น 6 เท่า โดยมียอดการจับจ่ายสินค้าแบรนด์หรูเฉลี่ยอยู่ที่ 300,000 บาทต่อบิล (ขณะที่ยอดจับจ่ายต่อบิลสูงที่มากที่สุดถึง 5 ล้านบาท)
สิ่งที่เห็นได้ชัดจากการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มลูกค้าแบรนด์หรูในแถบภูเก็ต นั่นคือ การที่กลุ่มคนรุ่นใหม่วัย First Jobber หันมาจับจ่ายสินค้าแบรนด์หรูเพิ่มขึ้นถึง 35-40% ซึ่งเป็นตัวเลขการเติบโตที่เพิ่มขึ้นหลังช่วงโควิด ดังนั้นการเพิ่มกลุ่มลักชูรี่เข้าไป จะไม่ใช่แค่กระเป๋ารองเท้า แต่จะเพิ่มเครื่องประดับเข้าไปด้วย เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่จะเข้ามาซื้อสินค้าเพื่อให้มีความครบครันมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากการอัพเกรดศูนย์การค้าแล้วยังเป็นการอัพเกรดสู่ความเป็น The World’s Luxury Destination ที่หมายรวมถึงการนำกลยุทธ์ความเป็นลักชัวรี่ด้านต่างๆเข้ามา เพื่อให้เกิดการจับจ่าย ทั้ง LIVE LUXE LOVE
“ทราฟฟิกที่นี่ 70,000-100,000 คนต่อวัน แบ่งเป็นชาวต่างชาติ 70% และ 30% เป็นคนไทย แต่หลังโควิดมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเพิ่มขึ้นเยอะมาก จากมาตรการไทยเที่ยวไทย และเทรนด์ต่างๆ ” คุณ วิไลพร ปิติมานะอารี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต กล่าว
เปิดขุมกำลัง “ภูเก็ต” เมืองหลักด้านเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวของไทย
นอกจากรองรับการเติบโตในตลาดลักชูรี่ของไทยแล้ว โปรเจกต์ดังกล่าวเพื่อรองรับการเติบโตของเมือง “ภูเก็ต” ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และท่องเที่ยว โดยมีการคาดการณ์รายได้ภาคการท่องเที่ยวปี 2567 จะแตะ 5 แสนล้านบาท ‘New high’ หรือเติบโตจากปี 2566 ที่ 28% และมีตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 16% เป็นจังหวัดที่มี High season ตลอดทั้งปี มีค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยว 34,336 บาทต่อคน มากที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากภูเก็ตถือว่าเป็นตลาดท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ ที่นักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายต่อหัวสูง
อีกทั้งยังมีจุดขายที่สำคัญคือ ทะเลอันดามันที่สวยติดอันดับโลกและมี รายได้เฉลี่ยต่อหัว (GPP Per capita) อันดับ 1 ของภาคใต้ อันดับ 12 ของประเทศ คาดว่า GDP ของจังหวัดภูเก็ตในปี 2024 จะเติบโตในระดับเกือบ 20% โดยถือว่าขยายตัวได้ดีกว่าภาพรวมของทั้งประเทศ”
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กล่าวว่า “ข้อดีของภูเก็ต ไม่ใช่แค่เมืองธุรกิจ แต่ยังเป็นเกาะ ที่มีภูมิศาสตร์เพียบพร้อมไม่กี่ที่ในโลก ทั้งด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก มีสนามบินนานชาติรองรับคน 16 ล้านคน มีเครื่องบินใหญ่บินตรงได้หลายไฟล์ต อินเดีย ตะวันออกกลางบินมา มีเที่ยวบิน 1 แสนเที่ยวบินต่อปี เฉลี่ยวันละ 300 เที่ยวบิน”
นอกจากนี้ความครบครันทั้ง สนามบินนานาชาติภูเก็ต เตรียมขยายเฟส 2 คาดเสร็จปี 2572 เพื่อรองรับนทท.ได้กว่า 18 ล้านคน (ปัจจุบันรองรับได้ 16 ล้านคน) โดยมีเที่ยวบิน บินตรงสู่เมืองสำคัญทั่วโลก เช่น ดูไบ โดฮา และออสเตรเลีย ,Private Jet Terminal ระดับ 5 ดาว
โครงการ Luxury Residences กว่า 17 โครงการ ที่มีมูลค่า 100 ล้านบาทขึ้นไป ได้ชื่อว่าเป็นเมือง อสังหาฯ ระดับหรู เป็นที่ต้องการของกลุ่มเศรษฐีทั่วโลก ติด Top 4 ของโลก รองจาก ดูไบ ฟลอริดา และ นิวยอร์ก รท่าเรือ Superyachts 5 แห่ง ได้แก่ ยอร์ทเฮเว่น มารีน่า, อ่าวปอ แกรนด์ มารีน่า, รอยัล ภูเก็ต มารีน่า, โบ๊ทลากูน มารีน่า, ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ,สนามกอล์ฟมาตรฐานระดับโลก 16 แห่ง ,ร้านอาหารมิชลินระดับหรู 28 ร้าน ตลอดจนโรงพยาบาลชั้นนำระดับโลก 9 แห่ง และโรงเรียนนานาชาติ 13 แห่ง
นอกจากแผนงานทั้งหมดแล้ว “เซ็นทรัลพัฒนา” ยังมีแผนขยายการลงทุนระยะยาวใน “ภูเก็ต” ภายใต้แผน 5 ปี ที่จะมีทั้งโรงแรมระดับ 4 ดาวศูนย์ประชุมฯ ในพื้นที่ที่เหลืออยู่อีก 5-6 ไร่ติดกับเซ็นทรัล ภูเก็ต เบื้องต้นคงต้องรอข้อสรุปในการพัฒนาแผนงานอีกที โดยทั้งหมดจะอยู่ในแผนพัฒนาเฟส 3 ต่อจากนี้ไป
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE