ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีร้านอาหารริมทาง หรือ สตรีทฟู้ด (Street Food) น้องใหม่เกิดขึ้นมากมาย แต่ชื่อของ “เจ๊ไฝ” หรือ “สุภินยา จันสุตะ” เจ้าแม่ไข่เจียวปู ก็ยังเป็น Street Food ที่อยู่ในใจนักกินชาวไทยและต่างชาติ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอย่างไร ยังคงมีนักชิมแวะเวียนเข้ามาลิ้มรสอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมนูสุดดัง “ไข่เจียวปู” จนล่าสุดครอง 1 ดาวมิชลินสตาร์ (Michelin Stars) ได้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 ทั้งยังซุ่มพัฒนาซอสออกมาทำตลาดอีกด้วย แล้วทำไมเจ๊ไฝถึงสนใจมาทำซอสล่ะ ตามมาฟังไอเดียจากปากของ “เจ๊ไฝ” พร้อมเคล็ดลับการทำร้านอาหารให้ประสบความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้
ลูกค้าชอบถามถึงซอส ต่อยอดสู่ไอเดียทำ “ซอส” Jay Fai
นอกจากรสมือการทำไข่เจียวปูที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว เจ๊ไฝบอกว่า ลูกค้าหลายคนยังถามถึงซอสพริกที่เจ๊ไฝออกแบบและพัฒนาสูตรด้วยตัวเองทั้งหมด เพราะรสชาติไม่เหมือนที่อื่น ประกอบกับทางเกาหลีอยากได้ซอสไปวางขายที่นั่น เลยเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เจ๊ไฝต้องการทำซอสออกจำหน่ายกับเขาบ้าง พอมาคุยไอเดียกัน จึงตัดสินใจพัฒนาซอสร่วมกัน
“ปีที่แล้วเราจับมือกับบริษัทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากเกาหลีใต้พัฒนารามยอนมาทำตลาดร่วมกัน โปรเจคนี้เป็นโปรเจคต่อเนื่องที่ทำร่วมกัน แต่ต่างกันตรงที่โปรเจนแรกเจ๊ไฝเป็นคนพัฒนาสูตรรามยอนให้ จากนั้นทางเกาหลีนำไปผลิตต่อที่โรงงาน แต่โปรเจคซอสในครั้งนี้จะเป็นการร่วมทุนกัน”
เจ๊ไฝ บอกถึงความแตกต่างของความร่วมมือกับทางเกาหลีใต้ในการพัฒนาซอส โดยในระยะแรกจะพัฒนาออกมาด้วยกัน 3 ซอสคือ ซอสพริก ซอสกระเพรา และซอสผัดขี้เมา โดยใช้ชื่อว่า “Jay Fai” จะเริ่มวางจำหน่ายในไทยในเดือนธันวาคมนี้ก่อนผ่าน 7-Eleven จากนั้นในปี 2568 จะวางจำหน่ายในประเทศเกาหลี
ยันยังทำร้านต่อ แนะคนรุ่นใหม่ทำอาหารด้วยใจ และมีความสุข
แม้จะหันมารุกธุรกิจซอสตอบโจทย์ให้แฟนๆ ได้ทำอาหารทานเอง แต่เจ๊ไฝ บอกว่า ยังทำกิจการร้านอาหารต่อเนื่องเหมือนเดิม แม้ปัจจุบันจะอายุ 81 ปีแล้ว และมีความคิดเรื่องเกษียณอยู่บ้าง แต่ตอนนี้คิดว่าตัวเองยังทำได้อยู่ จึงอยากทำต่อ แต่ด้วยความที่พื้นที่ร้านจำกัด ขยายเพิ่มไม่ได้ จึงพยายามมองหาสิ่งใหม่ๆ มาเติมให้กับลูกค้า หนึ่งในนั้นคือ การพัฒนาซอส และอนาคตจะมีอีกหลายอย่างออกมาต่อเนื่อง
เจ๊ไฝ ยอมรับว่า ปัจจุบันร้านอาหารแข่งขันสูงขึ้น แต่ก็มีโอกาสมากเช่นกันโดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ เพียงแต่สิ่งสำคัญต้องอดทน รวมทั้งต้องรัก ใส่ใจ และทำอาหารอย่างมีความสุข เพราะสิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่ความสร้างสรรค์อาหารที่ดีตามมา
“อย่าหลงใหลและคิดว่าวันนี้เราทำดีที่สุดแล้ว เราต้องไม่หยุดอยู่กับที่ หมั่นเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา”
เจ๊ไฝ ให้ข้อคิดกับเด็กรุ่นใหม่ที่อยากเข้าสู่วงการอาหาร พร้อมทั้งบอกเคล็ดลับที่ทำให้ร้านอาหารของเจ๊ไฝครองใจนักชิมอย่างเหนียวแน่นมาถึงทุกวันนี้ แถมยังคว้า 1 ดาวมิชลินถึง 8 ปีซ้อนว่า นอกจากความ “สวยงาม” ของอาหารแล้ว อาหารทุกจานที่ออกมา “รสชาติ” ต้องอร่อย ซึ่งความอร่อยนั้นมาจากคุณภาพของวัตถุดิบต่างๆ ซึ่งเจ๊ไฝคัดสรรทุกอย่างด้วยความพิถีพิถัน ถึงจะเป็นร้านเล็กๆ ริมถนนก็ตาม เพื่อให้ได้คุณภาพของอาหารที่ดี
สำหรับตลาดซอส และเครื่องปรุงรสในไทยเป็นตลาดที่มีการเติบโตต่อเนื่องขึ้นทุกกลุ่ม โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา มีมูลค่ารวมประมาณ 5,000 ล้านบาท เติบโต 3.8% จากปีก่อน และข้อมูลจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ระบุว่า ไทยครองอันดับ 6 เป็นผู้ส่งออกเครื่องปรุงรสทั่วโลกด้วยสัดส่วนกว่า 5.71% หรือคิดเป็นตัวเลข 926 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การขยับของเจ๊ไฝ่ในวัย 81 ปีจึงถือเป็นอีกหนึ่ง Big Move ที่น่าสนใจ
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE