ย้อนกลับไปปี 2563 ช่วงที่โควิดเริ่มระบาดในไทย ส่งผลให้เปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารของผู้บริโภค จากที่เคยออกไปนั่งทานอาหารนอกบ้าน ก็สั่งกลับมาทานที่บ้าน ทำให้ธุรกิจ “ส่งอาหาร” (Food Delivery) กลายเป็นธุรกิจดาวรุ่งเนื้อหอม ด้วยมูลค่าตลาดที่เติบโตแบบก้าวกระโดด จนมี New Player กระโจนลงมาเล่นในสมรภูมินี้เพิ่มขึ้น กระทั่งหลังโควิด เมื่อผู้บริโภคกลับมานั่งทานอาหารในร้านปกติ จึงทำให้มีผู้เล่นจำนวนไม่น้อยเริ่มถอดใจโบกมือลาตลาด จนปัจจุบันน่าจะเหลืออยู่ไม่ถึง 5 รายแล้ว เพราะถึงรายได้จะเติบโต และยอดการสั่งซื้อต่อครั้งจะสูงขึ้น แต่ผู้ให้บริการส่วนใหญ่ก็ยังไม่มี “กำไร”
จึงเกิดคำถามตามมาว่า แล้วธุรกิจ Food Delivery จากนี้ไปจะยัง “เซ็กซี่” อยู่ไหม และปี 2568 จะเป็นอย่างไร “คุณยอด ชินสุภัคกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai วิเคราะห์ให้เห็นภาพชัดๆ พร้อมกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจ LINE MAN Wongnai ให้เติบโตบนสนามแข่งที่มีผู้เล่นน้อยราย
ไม่ “เซ็กซี่” แต่ “โต” กว่าธุรกิจร้านอาหาร
แม้ว่าทุกวันนี้จำนวน Player ในธุรกิจ Food Delivery จะลดลง แต่คุณยอด บอกว่า ปัจจุบันภาพรวมตลาด Food Delivery ในไทยยังเติบโตราว 7% โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท และเชื่อว่าในปี 2568 ตลาดยังเติบโตได้ต่อเนื่องที่ 7% โดยการเติบโตของตลาด Food Delivery มาจากจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นจากผู้ใช้เดิมมีการใช้บริการต่อเนื่อง และกลุ่มผู้ใช้ใหม่โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงาน ซึ่งเติบโตมากับเทคโนโลยี และคุ้นชินกับการทำสิ่งต่างๆ ด้วยเทคโนโลยี ทั้งการจ่ายเงิน ซื้อสินค้า และสั่งอาหารมาตั้งแต่เป็นนักศึกษา พอเข้ามาทำงาน จึงมีการสั่งอาหารเดลิเวอรี่อย่างต่อเนื่อง
“เรามั่นใจว่าตลาด Food Delivery มีการเติบโตเร็วกว่าธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งปกติเติบโตประมาณ 5% โดยปัจจุบันมีจำนวนร้านอาหารอยู่ที่ 700,000-800,000 ร้าน แต่ที่ร้านอาหารดูชะลอตัว เพราะการแข่งขันสูงมาก แต่ละปีมีร้านเปิดใหม่เพิ่มขึ้น 25% เพราะเป็นความฝันของคนรุ่นใหม่ อีกทั้งเข้าสู่ตลาดง่าย แต่ก็มีร้านปิดตัวค่อนข้างมาก คิดเป็น 25% ของร้านทั้งหมด โดยอายุเฉลี่ยของร้านอาหารในไทยอยู่ที่ 3-4 ปี ทำให้ทดแทนร้านเก่าตลอดเวลา”
ถึงแม้จะมั่นใจ แต่ก็ยอมรับว่า ตลาด Food Delivery อาจจะไม่ “Sexy” ในสายตานักลงทุนเหมือนเดิม เพราะบริษัทขนาดใหญ่ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้หลากหลาย แต่ธุรกิจขนาดเล็กที่เพิ่งเริ่มต้น อาจจะดึงดูดนักลงทุนได้น้อย เพราะผลตอบแทนกับความเสี่ยงไม่คุ้มกัน เมื่อเทียบกับการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีในอเมริกาที่มีการเติบโตเร็วและเสี่ยงน้อยกว่า
“การมีผู้เล่นเปลี่ยนหน้าไป ทำให้ปีนี้เป็นปีแห่งความจริงว่าตลาดแข็งแรงแค่ไหน จากผู้เล่นที่เคยมี 5-6 ราย ซึ่งสุดท้ายจะเหลือแค่ 2-3 ราย สอดคล้องกับหลายประเทศทั่วโลกจะเหลือผู้เล่นที่มีความแข็งแกร่งเพียง 2-3 เท่านั้น เพราะเป็นตลาดที่มีวอลุ่มสูง จึงต้องการ Economy of Scale จึงทำให้รายเล็กแข่งยาก ส่วนในปี 2568 จะยิ่งเห็นภาพชัดขึ้นกว่าเดิมว่าผู้เล่นที่เป็น Top 2 ในตลาดจะเป็นอย่างไร และผู้เล่นที่เหลือจะเป็นใครบ้าง”
ตลาดยังแข่งดุ แม้ผู้เล่นเหลือน้อยราย
เมื่อมาดูการเติบโตของ LINE MAN Wongnai ปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้งาน 10 ล้านคนต่อเดือน จำนวนไรเดอร์กว่า 100,000 ราย และพาร์ทเนอร์ร้านค้ากว่า 500,000 ร้าน ขณะที่มูลค่าการทำธุรกรรมระหว่าง ม.ค.2023-ต.ค.2024 มีการเติบโตถึง 35% ทั้งยังมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในตลาดแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ โดยวัดจากจำนวนธุรกรรมรายวัน แต่ทว่าคุณยอดบอกว่า ไม่เคยวางใจได้เลย เพราะคู่แข่งค่อนข้างแข็งแรง
“ตลาดยังแข่งขันสูงเหมือนเดิม แม้ว่าผู้เล่นจะเหลือน้อยเจ้าลง จึงยังสบายใจไม่ได้ เราต้อง Stay Very Aggressive สู้ทุกเม็ดเหมือนเดิม”
ส่งผลทำให้ LINE MAN Wongnai จึงไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ มาตอบความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยคุณยอดยกตัวอย่างฟีเจอร์ “ส่งตรงทันใจ” (Direct-to-you Delivery) และ “ส่งถูก” (Low-cost Delivery) ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อครึ่งปีที่ผ่านมา ปรากฏว่า 25% ของออเดอร์ เลือกฟีเจอร์แบบส่งตรงหรือส่งถูก นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ Multiple Pick-up ซึ่งเป็นการสั่งอาหารหลายร้านในออเดอร์เดียว สำหรับลูกค้าที่อยากทานอาหารหลายอย่างในครั้งเดียว รวมไปถึงกลุ่มครอบครัว โดยปัจจุบัน 50% ลองใช้งานฟีเจอร์นี้แล้ว จึงมีแผนจะ Cross การส่งอาหารและสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ตในเส้นทางเดียวกันเพิ่มขึ้น คาดให้บริการปีหน้า ควบคู่กับการพัฒนาฟีเจอร์ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและสิทธิประโยชน์ของ LINE PAY Wallet ให้กับผู้บริโภคมากขึ้น เพื่อดึงคนมาใช้ Wallet มากขึ้น เพราะต้นทุนของการใช้ Wallet ถูกกว่าบัตรเครดิต
สื่อสารจุดยืน สร้างความต่างมัดใจผู้บริโภค
อีกกลยุทธ์ที่จะทำมากขึ้นในปีหน้าเพื่อรักษาการเติบโตท่ามกลางการแข่งขันที่ยังเข้มข้นนั่นคือ การสื่อสารจุดยืนการเป็นแอปเดลิเวอรี่ที่ “ถูกสุดทุกวัน” และ “จำนวนร้านอาหาร” ครอบคลุมทั่วประเทศ ผ่านแคมเปญต่างๆ เพราะถือเป็นจุดขายที่สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด รวมถึงร่วมกับหน่วยงานต่างๆ จัดกิจกรรมด้านอาหารเพื่อโปรโมทอาหารไทยในย่านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเทศกาลอาหาร ฟู้ดเฟสติเวอร์ เรื่องกิน เล่นใหญ่เวอร์ ที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นครั้งแรก เนื่องจากเชียงใหม่เป็น 1 ใน 3 จังหวัดที่มีร้านอาหารเปิดเป็นจำนวนมาก โดยนำอาหารจาก 5 ภูมิภาคทั่วไทยมาจัดไว้ในที่เดียว โดยคาดว่าการนำอาหารมาโปรโมทในครั้งนี้จะสามารถดึงคนมาเที่ยวงานได้กว่า 65,000 คน และสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 65 ล้านบาท
บนสังเวียน Food Delivery นับจากนี้ไป จะเหลือผู้เล่นที่แข็งแกร่งกี่ราย ปี 68 ต้องติดตามกัน
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE