ท่ามกลางสถานการณ์ต้นทุนการผลิตและการขนส่งที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานของธุรกิจทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น หลายธุรกิจต้องเผชิญแรงกดดันจนจำเป็นต้องปรับราคาสินค้าเพื่อความอยู่รอด
มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. (MR. D.I.Y.) ร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านจากมาเลเซีย คืออีกหนึ่งแบรนด์ที่ต้องเผชิญสถานการณ์ด้าน “ต้นทุน” เพราะด้วยจุดแข็งคือการเสนอสินค้าที่มีความคุ้มค่าคุ้มราคา (Money foy value) แถมยังมีราคาถูกกว่าคู่แข่งถึง 25% ทำให้การรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ยึดมั่นในคอนเซปต์ “Always Low Prices” หรือการเป็นสินค้าราคาประหยัดไว้ให้ได้ ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายเป็นอย่างมาก
คุณแอนดี้ ชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เราต้องเผชิญสถานการณ์ต้นทุน แต่เรายังไม่มีการปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์โควิดที่คนน้อยยอดขายลดลง จากนั้นก็มีปัญหาเรื่องของสินค้าดีเลย์จากภาวะสงคราม ทำให้ซัพพลายเชนได้รับผลกระทบ เราก็ไม่ได้ปรับขึ้นราคา แต่ใช้กลยุทธ์ในการบริหารจัดการต้นทุน ลดราคาสินค้า เพื่อสร้างการหมุนเวียนสินค้าให้ใหม่ตลอดเวลา
โดยตลอด 8 ปีที่ มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. ดำเนินธุรกิจในไทย มีการได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ปัจจุบันมีสาขากว่า 900 แห่ง มีสินค้ากว่า 15,000 รายการ ครอบคลุม 74 จังหวัด ให้บริการลูกค้าแล้ว 77 ล้านรายในไทย ด้วยกลยุทธ์ที่เน้นการนำเสนอสินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ของใช้ในชีวิตประจำวัน เครื่องมือช่าง ไปจนถึงของเล่นเด็ก ในราคาที่จับต้องได้
ท่ามกลางความผันผวนของ “ต้นทุน” การจะยังคงโพซิชั่นความเป็น “Always Low Prices” คืออีกหนึ่งความท้าทายของทางแบรนด์ที่จะต้องบริหารจัดการให้ได้ เพื่อรักษาฐานลูกค้าและความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยมีกลยุทธ์หลักๆ ได้แก่
- บริหารซัพพลายเชน: ใช้พลังการสั่งซื้อสินค้าปริมาณมาก หรือ Economy of Scale เพื่อลดต้นทุน และร่วมมือกับผู้ผลิตท้องถิ่นเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านการนำเข้า
- เพิ่มประสิทธิภาพในร้านค้า: ลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็น และปรับปรุงการจัดวางสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น
- ชูจุดแข็งเรื่องราคา : ที่ถูกกว่าคู่แข่ง 25% อย่างต่อเนื่อง โดยจะไม่ปรับขึ้นราคาสินค้าแต่ใช้วิธีการบริหารจัดการต้นทุนแทน
- เปิดตลาดใหม่ในทุกจังหวัด: เดินหน้าขยายสาขาให้ครอบคลุมทุก 77 จังหวัดภายไตรมาสแรกของปี 2568 เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ และสร้างรายได้จากปริมาณการขายที่มากขึ้น
ทุ่ม 2,000 ล้านบาท เดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง ลุยขยายสาขาครบ 77 จังหวัดทั่วไทย
อย่างไรก็ตามแม้ต้องเผชิญสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจที่ค่อนข้างแปรปรวนตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ว่า ดี.ไอ.วาย. ยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของตลาดเมืองไทย สะท้อนได้จากยอดขายในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา MR. D.I.Y. มีรายได้แล้วกว่า 7,500 ล้านบาท พร้อมครองความเป็นผู้นำตลาดในหมวดของแต่งบ้าน ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 35%
โดยในปี 2568 มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. มีแผนจะขยายสาขาเพิ่มราว 200 แห่ง โดยเน้นรูปแบบสแตนด์อโลน เนื่องจากลูกค้าสะดวกและเข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ยังเตรียมขยายสาขาร้านมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. รูปแบบใหม่ที่คล้ายแฟลกชิป สโตร์ไปยังศูนย์การค้าชั้นนำทั่วประเทศ (A-class Malls) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย โดยผสมผสานการเข้าถึงง่ายเข้ากับราคาที่คุ้มค่าไปยังศูนย์การค้าชั้นนำทั่วประเทศ
การขยายสาขาทั้งหมดจะทำให้ในสิ้นปี 2568 มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. สาขามีทั้งสิ้นกว่า 1,100 สาขา และครบทั้ง 77 จังหวัดใน จากปัจจุบันที่มีอยู่ 74 จังหวัด โดยใน 3 จังหวัดที่ยังไม่ได้ขยายเข้าไปได้แก่ แม่ฮ่องสอน,พังงา และยะลา โดยทั้ง 3 จังหวัดจะเริ่มเปิดบริการในไตรมาสแรกของปี 2568
ทั้งนี้แม้ตลาดเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านจะมีการแข่งขันที่รุนแรง แต่จากแนวโน้มในปีหน้าที่คาดการณ์ว่าสัญญาณเศรษฐกิจทั้งหมดจะเริ่มดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง มาตรการต่างๆของภาครัฐ ผู้ประกอบการ ร้านค้า กำลังซื้อต่างๆ ที่ดีขึ้น ซี่งทั้งหมดจะทำให้จีดีพีปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทำให้บริษัทยังคงเชื่อมั่นและเดินหน้าลงทุนในไทยต่อเนื่อง
“เราเลือกประเทศไทยเป็นที่แรกในการขยายตลาดออกนอกมาเลเซีย จากความเชื่อมั่นในศักยภาพและช่องว่างทางการเติบโตของตลาด จนถึงวันนี้มีเศรษฐกิจจะมีความผันผวนบ้างเราก็ยังเชื่อว่าปีหน้าภาพรวมจะดีขึ้น โดยเรายังคงเลือกเดินหน้าลงทุนในไทยต่อเนื่อง”
ผุดแฟลกชิปสโตร์ใหม่ทำเลศูนย์การค้า
ล่าสุดเพื่อเป็นการขยายการเข้าถึงลูกค้า ได้เปิดตัวแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ ณ ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ภายใต้ธีม ‘Feel the Difference’ สะท้อนถึงการเติบโตของธุรกิจและความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์การช็อปที่แตกต่างและพิเศษยิ่งขึ้น ด้วยพื้นที่กว่า 1,280 ตร.ม. เน้นการออกแบบภายในที่ทันสมัย สะท้อนไลฟ์สไตล์คนเมือง
มาพร้อมเคาน์เตอร์ชำระเงินอัตโนมัติด้วยตัวเอง และโซนกิจกรรมในช่วงสุดสัปดาห์ที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น ผ่านสินค้าที่หลากหลายประมาณ 15,000 รายการ ครอบคลุม 6 หมวดหมู่สินค้าหลัก ได้แก่ อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และเครื่องมือช่าง เครื่องใช้ในครัวเรือนและอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเขียนและอุปกรณ์กีฬา ของเล่น และหมวดหมู่อื่นๆ อีกมากมาย ในราคาถูกคุ้มเสมอ (Always Low Prices)
“แฟลกชิปสโตร์แห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการเติบโตของเราเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า” คุณแอนดี้กล่าว
นอกจากสินค้าที่มีให้เลือกหลากหลายแล้ว แฟลกชิปสโตร์แห่งนี้ยังมีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมขนาด 150 ตร.ม.เพื่อให้ลูกค้าได้ร่วมกิจกรรม DIY เวิร์กช็อป อีเวนต์ตามเทศกาล และงานฝีมือ ที่จะจัดขึ้นตลอดทั้งปี 2568 ที่จะเปลี่ยนการช็อปปิ้งธรรมดาให้กลายเป็นประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ที่น่าประทับใจ
ส่วนเรื่องความคืบการเปิดขาย IPO ขณะนี้ยังอยู่ระหว่าง การพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)