HomeBrand Move !!ถอดความสำเร็จ “ศรีจันทร์” ดึงพลัง “แบมแบม” ปลุกยอดขายจาก “ด้อม” สู่ผู้เล่นเบอร์ต้นตลาดสกินแคร์เมืองไทย

ถอดความสำเร็จ “ศรีจันทร์” ดึงพลัง “แบมแบม” ปลุกยอดขายจาก “ด้อม” สู่ผู้เล่นเบอร์ต้นตลาดสกินแคร์เมืองไทย

แชร์ :

ตลอดปีที่ผ่านมา “ตลาดสุขภาพและความงาม” ของเมืองไทยคืออีกหนึ่งตลาดที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังผ่านพ้นช่วงโควิด-19 มา โดยเฉพาะใน “ตลาดสินค้าบิวตี้” มูลค่ากว่า 340,000 ล้านบาท ที่เติบเพิ่มขึ้นในทุกเซกเมนต์ จนผู้เล่นแบรนด์ดังทั้งไทย-เทศ ต่างเปิดเกมชิงยอดขายเพื่อมัดใจผู้บริโภคอย่างดุเดือด

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

“ศรีจันทร์” คือหนึ่งในแบรนด์สกินแคร์และความงามไทย ที่เคยสร้างปรากฏการณ์พลิกเกมครั้งใหญ่กับการสลัดภาพ จำ (Re-brand) จาก “แป้งศรีจันทร์”  สู่ภาพใหม่กับ “แบรนด์ที่คนไทยจะต้องภูมิใจ” ภายใต้การนำทัพของ “คุณรวิศ หาญอุตสาหะในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ  จำกัด จนประสบความสำเร็จทะยานยอดขายหลักพันล้านพร้อมก้าวเป็นแบรนด์แถวหน้าของไทยเป็นผลสำเร็จ

ล่าสุด “ศรีจันทร์” ก็สร้างปรากฏการณ์ในตลาดสกินแคร์อีกครั้งกับด้วยการเปิดตัว แบมแบมกันต์พิมุกต์ ภูวกุล ศิลปินเกาหลีสัญชาติไทย เป็นพรีเซนเตอร์ SRICHAND IN-SKIN สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์ พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ “Idol Marketing” เพื่อเจาะ “ตลาดสินค้าความงาม” ในที่มีมูลค่าใหญ่สูงถึง 340,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในตลาดสกินแคร์ซึ่งเป็นตลาดที่มาแรงที่สุดคิดเป็นสัดส่วน 44% ของตลาดทั้งหมด

 

คุณรวิศ หาญอุตสาหะ

SRICHAND IN-SKIN X BAMBAM การเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 บนโลกออนไลน์ ( Worldwide)

คุณรวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ  จำกัด กล่าวว่า ปีนี้กระแสผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม (Health & Beauty) ไทยมาแรง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือสกินแคร์ ที่มีสัดส่วนโตมากที่สุดถึง 44%  เราจึงมุ่งขยายธุรกิจจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เมคอัพไปยังสกินแคร์อย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ที่น่าสนใจคือกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ผลิตภายในประเทศไทยนั้นคิดเป็น 85% ของธุรกิจเครื่องสำอางในไทย ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในไทยเองนั้นได้รับการยอมรับและมีคุณภาพไม่แพ้ผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ

การดึงตัว แบมแบม มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในครั้งนี้เกิดเป็นการจุดกระแสในตลาดสกินแคร์ให้กับ SRICHAND IN-SKIN ด้วยการสร้างความสำเร็จก้าวแรกกับสร้างปรากฏการณ์ไวรัลบนโลกออนไลน์ ผ่านพลัง “ด้อม” ของแฟนคลับ “แบมแบม” และ “อากาเซ่” ที่ปั้น #SRICHANDINSKINxBamBam ขึ้นที่ 1 ทั้ง Thailand และ Worldwide ในช่วงแรกที่มีการเปิดตัว พร้อมๆกับคำชมในตัวแบรนด์ที่บอกว่าดูแลศิลปิน และจัดงานได้เป็นอย่างดี

 

 

ส่วนยอดขายไม่ต้องพูดถึงเพราะมีทั้ง SRICHAND IN-SKIN X BAMBAM SKIN MOISTURE BURST BOXSET ที่มียอดสั่งจองแบบถล่มทลาย จากทั้งเหล่าสาวกและจากการบอกต่อในกระแสของผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ใน 3 กลุ่มที่  “แบมแบม” เป็นพรีเซ็นเตอร์ ทั้ง SRICHAND Skin Moisture Burst สูตรลับเพิ่มพลังชุ่มชื้นนาน 72 ชั่วโมง,SRICHAND Super C Brightening Intense Serum และSRICHAND Timeless Anti-Aging Facial Serum ก็ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม

 

“เชื่อว่าแบมแบม จะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและมีความเป็นสากลมากขึ้น และจะเป็นก้าวสำคัญในการพาแบรนด์ของเราไปขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น จากปัจจุบันที่ทำตลาดอยู่เพียบไม่กี่แห่ง ”

 

เปิด 3 กลยุทธ์สำคัญปี 2568 ผลักดัน “ศรีจันทร์” สู่ผู้เล่นหลักในการตลาดความงาม

นอกจากพลังของ “แบมแบม” แล้วในปี 2568 ศรีจันทร์ก็ยังจะสานต่อกระแสของแบมแบมอย่างต่อเนื่องแล้ว ควบคู่กับการเดินหน้าทำตลาดเชิงรุกมากขึ้นทั้งออนไลน์และออฟไลน์ในทุกช่องทางมากยิ่งขึ้น

 

 

“ปี 2568 เราจะมีการศึกษาตลาดสุขภาพเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นเทรนด์ที่แม้จะมาแรงสักระยะแล้ว แต่เชื่อว่าจะเป็นเทรนด์ที่อยู่ในระยะยาว ซึ่งจะสามารถสร้างการเติบโตได้ในระยะยาว” คุณรวิศกล่าว

โดยในปี 2568 “ศรีจันทร์” จะเดินหน้าทำตลาดเชิงรุกผ่าน 3 กลยุทธ์สำคัญได้แก่

  • การจัดแคมเปญการตลาดที่มีความสากลมากขึ้น  โดยมี “แบมแบม” เป็นพรีเซ็นเตอร์หลักในการสื่อสารแบรนด์ทั้งในและต่างประเทศและจะมีการจัดแคมเปญต่างๆที่มีความถี่มากขึ้น
  • ศึกษาผลิตภัณฑ์เรื่องสุขภาพ แม้เทรนด์นี้จะมีมาสักระยะแต่เชื่อว่าจะอยู่ในระยะยาวทำให้บริษัทเร่งศึกษาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพเพื่อสร้างการเติบโตระยะยาวนอกจากนี้ยังจะมีการลงทุนกับ data มากขึ้นเก็บอินไซต์ลูกค้าและทำความเข้าใจทำความรู้จักเพื่อให้สินค้าตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย
  • โฟกัสตลาดต่างประเทศมากขึ้น เพราะตอนนี้มีแค่ไม่กี่ประเทศที่ศรีจันทร์อาทิสปป.ลาวซึ่งการมี “แบมแบม” เข้ามาจะช่วยให้แบรนด์มีความเป็นสากลและเป็นที่รู้จักมากขึ้น

ทั้งหมดเพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใช้เวลาในการตัดสินใจในการซื้อสินค้านานขึ้น โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าคุ้มราคามาเป็นหลัก โดย “ศรีจันทร์” วางเป้าหมายการเติบโตในสิ้นปี 2567 ที่ 50% หรือปิดรายได้รา 1,500 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2568 จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอีกกว่า 50%


แชร์ :

You may also like