0
เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ตอกย้ำความสำคัญของความยั่งยื นในฐานะหัวใจของการดำเนินธุรกิจ โดย ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่ งยืนองค์กรและการพัฒนากลยุทธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ระบุว่า ความยั่งยืนไม่ใช่เพียงต้นทุน แต่คือการลงทุนที่จะสร้างคุณค่ าใหม่ให้ธุรกิจ พร้อมขับเคลื่อนโลกให้เติ บโตไปอย่างยั่งยืน
“เครือเจริญโภคภัณฑ์ตระหนักถึ งความคาดหวังของสังคมที่มีต่ อองค์กรใหญ่เช่นเรา เราจึงกำหนดนโยบายและเป้าหมายด้ านความยั่งยืนที่ชัดเจน สอดคล้องกับนโยบายของซีอีโอ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่ างธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม” ดร.ธีระพล กล่าวพร้อมเสริมว่า ซีพีมีเป้าหมายที่จะปลดปล่อยก๊ าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ( Net Zero) ในปี 2050 ผ่านโครงการที่เป็นรูปธรรม เช่น ระบบตรวจสอบย้อนกลับ การป้องกันการใช้พื้นที่ป่ าและพื้นที่เผาในการผลิตสินค้ าเกษตร และการผลักดั นโครงการเกษตรกรรมยั่งยืน
“ยิ่งบริษัทมีขนาดใหญ่เท่าไหร่ ความคาดหวังจากสังคมก็ยิ่งสูงขึ้ นตามไปด้วย เพราะองค์กรเหล่านี้มีอิทธิพลต่ อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล” ดร.ธีระพล กล่าว พร้อมชี้ว่า ความยั่งยืนไม่ใช่แค่ การลดผลกระทบเชิงลบ แต่คือการสร้างสมดุลระหว่ างการเติบโตของธุรกิจและความรั บผิดชอบต่อโลก
ด้วยวิกฤตการณ์ในปัจจุบัน เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ องค์กรภาคเอกชนจึงต้องมี บทบาทนำในการขับเคลื่อนความยั่ งยืน ทั้งนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้แสดงจุดยื นอย่างชัดเจนในการเป็นผู้นำด้ านความยั่งยืนที่ครอบคลุมทุกมิ ติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ดร.ธีระพล ได้ฉายภาพถึงแนวโน้มโลกที่ธุรกิ จต้องปรับตัวเข้าสู่ New S-Curve หรือคลื่นธุรกิจใหม่ที่ขับเคลื่ อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมสี เขียว เช่น การใช้พลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ ก (SMR) สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ของ Google ในปี 2035 หรือการพัฒนาแบตเตอรี่พลั งงานและยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในจีน
“เทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญต่อธุ รกิจในอนาคต หากไทยต้องการเข้าสู่ New S-Curve อย่างราบรื่น จำเป็นต้องปรับปรุงกฎระเบียบให้ ทันสมัย เปิดช่องทางให้ธุรกิจเข้าถึงเงิ นทุนและเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้น รวมถึงการส่งเสริมการระดมทุ นและการอนุมัติสินเชื่อที่ ตอบโจทย์ธุรกิจที่มีความเสี่ ยงสูง”
เครือเจริญโภคภัณฑ์มีแผนดำเนิ นการที่ชัดเจนในการลดการปล่อยก๊ าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยตั้งเป้าหมายความเป็ นกลางทางคาร์บอนในปี 2030 ด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียน 50% และเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน 20% พร้อมลดการปล่อยก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์จาก 4.02 ล้านตันในปี 2025 เหลือ 1 ล้านตันในปี 2030
“ความยั่งยืนคือการลงทุ นในอนาคตที่ช่วยสร้างคุณค่าใหม่ ให้ธุรกิจ พร้อมนำพาโลกให้เติบโตอย่างยั่ งยืนไปด้วยกัน” ดร.ธีระพล กล่าว