เพียงไม่กี่วัน DeepSeek ปัญญาประดิษฐ์สัญชาติจีน ก็กลายเป็นชื่อที่สั่นสะเทือนวงการ AI โลกไปอย่างรวดเร็ว ทั้งจากตัวเลขการดาวน์โหลดในแอปสโตร์ที่พุ่งทะยาน รวมถึงการให้บริการที่ถูกกว่า AI เจ้าอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด
การโตแรงของ DeepSeek ยังทำให้หุ้นของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาตกกันถ้วนหน้า ทั้ง Nvidia ที่ปรับตัวลดลงหนักที่สุด ราว 17% (คิดเป็นมูลค่าตลาดที่ลดลงประมาณ 5.9 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ) รวมถึงบริษัทผู้ผลิตชิป Broadcom, Microsoft และ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ที่ปรับตัวลดลง 17.4% 2.1% และ 4.2% ตามลำดับ เพราะ DeepSeek พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า บางทีเราอาจไม่ต้องการชิป GPU มากขนาดนั้นในการประมวลผล AI รวมถึงธุรกิจ Data Center ที่ DeepSeek ทำให้เห็นว่า ความจำเป็นในการสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่อาจลดลง
รู้จัก DeepSeek สตาร์ทอัพจากหางโจว
ชื่อของ DeepSeek ได้รับการยอมรับมากขึ้นจากหลังจากเปิดตัวโมเดล AI ชื่อ R1 เมื่อวันที่ 20 มกราคม ซึ่งมีประสิทธิภาพในงานด้านคณิตศาสตร์และการเขียนโค้ดเทียบเท่าโมเดล o1 ของ ChatGPT โดยบริษัทระบุว่า ใช้เวลาพัฒนาโมเดลนี้ประมาณ 2 เดือน ด้วยงบประมาณ 6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และใช้ชิป NVIDIA รุ่น H800S ซึ่งแน่นอนว่า มีประสิทธิภาพต่ำกว่าชิปที่บริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกาใช้กัน
ข้อดีอีกข้อของโมเดล R1 คือการเปิดเป็น Opensource ให้นักพัฒนาสามารถนำไปต่อยอดได้อย่างอิสระด้วย
ข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดการเปรียบเทียบกับการพัฒนาโมเดล AI ของบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกา โดยรายงานจาก Visualcapitalist ชี้ว่าบริษัทในกลุ่ม Hyperscalers ที่ประกอบด้วย Microsoft, Alphabet, Amazon, Meta และ Oracle ใช้เงินลงทุนด้าน AI ในปี 2023 ไปทั้งหมด 126,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดว่าปี 2024 จะเพิ่มเป็น 197,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (อ้างอิงจาก K WEALTH)
Adrian Cox นักวิเคราะห์จาก Deutsche Bank ให้ความเห็นต่อการมาถึงของ DeepSeek ว่า เป็นความท้าทายต่อความเชื่อเดิม ๆ ที่บริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกาสร้างไว้ นั่นคือ แนวทาง “ยิ่งใหญ่ยิ่งดี” เพราะจีนทำให้เห็นว่า พวกเขาสามารถพัฒนา AI ได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่า และสามารถใช้งานได้จริงเช่นกัน
อีกหนึ่งข้อที่เรียกเสียงฮือฮาคือ ราคาค่าใช้บริการของโมเดล R1 จาก DeepSeek ที่คิดเพียง 0.14 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหนึ่งล้านโทเค็น ซึ่งต่ำกว่าราคาของ ChatGPT ที่ 7.50 เหรียญสหรัฐฯ ค่อนข้างมาก (สำหรับข้อมูลจำนวนเท่ากัน)
Marc Andreessen ยก DeepSeek เป็น “ช่วงเวลาสปุตนิก”
ความพิเศษต่าง ๆ เหล่านี้ได้ทำให้ Marc Andreessen มหาเศรษฐีคนดังในซิลิคอนวัลเลย์ถึงกับออกปากชมโมเดล R1 ของ DeepSeek ว่าเป็น “ช่วงเวลาสปุตนิก” ของ AI เลยทีเดียว (ช่วงเวลาสปุตนิกเป็นช่วงเวลาของการปล่อยดาวเทียมของอดีตสหภาพโซเวียตซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันทางอวกาศระหว่างสหรัฐอเมริกาและโซเวียตในช่วงปลายทศวรรษ 1950)
Deepseek R1 is one of the most amazing and impressive breakthroughs I’ve ever seen — and as open source, a profound gift to the world. 🤖🫡
— Marc Andreessen 🇺🇸 (@pmarca) January 24, 2025
ส่วน Daniel Morgan ผู้บริหารของ Synovus Trust Company วิเคราะห์ว่า การเทขายหุ้น Nvidia อาจเป็นความกังวลที่มากเกินไปของนักลงทุน เพราะโพสิชันของ DeepSeek คือการเป็นคู่แข่งของ ChatGPT หรือ Gemini ฯลฯ มากกว่าการพุ่งเป้าไปที่บริษัทผู้ผลิตชิป หรือ Data Center
กระนั้น หุ้นของบริษัท Data center ก็ยังคงได้รับผลกระทบ เช่น Vertiv Holdings ซึ่งเป็นผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูล พบว่าร่วงลง 29.9% หรือหุ้นด้านพลังงานของสหรัฐอเมริกาอย่าง Vistra, Constellation Energy และ NRG Energy ต่างก็ร่วงลง 28.3% 20.8% และ 13.2% ตามลำดับ (ส่วนหนึ่งเพราะหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวสูงขึ้นมากเพราะนักลงทุนมองว่าเทรนด์ด้าน AI ต้องการใช้พลังงานสูงนั่นเอง)
Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand
เป็นเพื่อนกับเราได้ที่ LINE