“สุกี้-ชาบู” หนึ่งในธุรกิจอาหารที่ร้อนแรงและแข่งเดือดไม่แพ้เซกเมนต์ไหนๆ โดยปัจจุบันตลาดสุกี้-ชาบูเมืองไทย มีผู้เล่นหลักอยู่หลายแบรนด์ตั้งแต่ เอ็มเค สุกี้ ,สุกี้ ตี๋น้อย,ชาบูชิ ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นแบรนด์ชาบูสุกี้-ชาบูที่อยู่มานานและครองใจลูกค้าชาวไทยไปแล้วแทบทั้งสิ้น
“ลัคกี้ สุกี้” คือแบรนด์สุกี้น้องใหม่ที่เข้ามาทำตลาดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยเน้นสร้างสิ่งที่ดีที่สุด และคุ้มค่าที่สุด เพื่อมัดใจลูกค้า จนปีที่ผ่านมาแบรนด์ “ลัคกี้” สามารถสร้างรายได้ทะลุ 1,000 ล้านบาท หรือมีการเติบโตจากปีก่อนหน้า (2566) ที่ 148.66% มีมูลค่าราว 23,000-25,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มการเติบโตแบบก้าวกระโดดทุกปี
เปิดที่มา 3 ปีแห่งการเติบโต ท่ามกลางสมรภูมิหม้อต้ม (สุกี้-ชาบู) เมืองไทย
ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดของตลาดสุกี้ในประเทศไทย ประกอบกับเศรษฐกิจที่ซบเซา หลายคนมองว่า เทรนด์ร้านอาหารก็คล้ายๆกับเทรนด์ขนมหวาน เช่นเดียวกับเทรนด์ปิ้งย่าง-ชาบู ที่มาแล้วก็ไป เปลี่ยนไวตามเทรนด์
แต่ “คุณรสรินทร์ ติยะวราพรรณ” ในฐานะกรรมการบริหาร บริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด เจ้าของแบรนด์ ลัคกี้ สุกี้ กลับมองต่างเพราะ สุกี้-ชาบู ถือเป็นเซกเมนต์อาหารที่อยู่คู่คนไทยมานาน แม้จะมีคู่แข่งใหญ่-น้อย ตบเท้าเข้ามามากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทว่าเซกเมนต์ดังกล่าวถือว่าเป็นเซกเมนต์หลัก มีมานาน และคนไทยนิยมรับประทาน
“เราเห็นเทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป จาก YOLO (YOU ONLY LIVE ONCE) ไปสู่ YONO (YOU ONLY NEED ONE) นั่นเป็นโอกาสทางธุรกิจ แม้จะอยู่ในสงครามแดงเดือด ซึ่งสิ่งที่เรายึดมั่นในการทำธุรกิจมาตลอดคือ เน้นสิ่งที่ดีที่สุด คุ้มค่าที่สุดเสมอ ในการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ”
ดังนั้นการทำตลาดของ “ลัคกี้ สุกี้” ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นการเน้นสร้างการรับรู้แบรนด์ และเน้นสร้างสิ่งที่ดีที่สุด และคุ้มค่าที่สุด เพื่อมัดใจลูกค้า ซึ่งเป็นแนวทางหลักของแบรนด์มาโดยตลอด จนสามารถครองใจลูกค้าตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
จาก “ลัคกี้ สุกี้” ถึง“ลัคกี้ บาร์บีคิว” การแตกไลน์แบรนด์น้องใหม่ที่พร้อมสร้างยอดขายโต 100%
ความสำเร็จของ “ลัคกี้ สุกี้” ทำให้ทางแบรนด์แตกไลน์แบรนด์ใหม่อีกเซกเมนต์ที่ได้รับความนิยมและการเติบโตไม่แพ้กัน นั่นคือ “ปิ้งย่าง” ในชื่อ “ลัคกี้ บาร์บีคิว” บุฟเฟ่ต์สไตล์ยากินิกุ (ผสมผสานระหว่างไทยและญี่ปุ่น) เมื่อเดือน มีนาคม ปี 2567 ที่ผ่านมา
ภายใต้คอนเซปต์ เข้าถึงง่าย คุ้มค่า คุ้มราคา โดยมีราคาเริ่มต้น 299 บาท มีให้เลือกกว่า 100 เมนู มีสาขาไปแล้วทั้งสิ้น 5 สาขา ได้แก่ Paradise Park ศรีนครินทร์,โลตัสบางใหญ่,เอ็มที คูคต ไลฟ์สไตล์มอลล์ , อยุธยา ซิตี้ พาร์ค และท็อปส์ สาธุประดิษฐ์ 49
สำหรับในปี 2568 นี้ มิราเคิล แพลนเนทฯ วางเป้าหมายขยายสาขาของทั้ง “ลัคกี้ สุกี้” และ “ลัคกี้ บาร์บีคิว” ไว้ที่ 20-30 สาขา แบ่งเป็นในเขตกรุงเทพฯ 60% และต่างจังหวัด 40% ในทำเลที่มีศักยภาพและต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็น Real Target ได้อย่างทั่วถึง รวมถึงต้องตอบโจทย์ในแง่โอกาสทางธุรกิจและพาร์ทเนอร์
“ปีนี้เรามีชาเลนจ์ที่สำคัญในการรักษาฐานลูกค้าเก่าให้รักเราเหมือนเดิม ในขณะที่ฐานลูกค้าใหม่ ก็ยังต้องเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นสิ่งสำคัญของเราคือต้องรับมือคือการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและการแข่งขัน”
นอกจากนี้ยังจะมีการนำกลยุทธ์การตลาด THEMATIC Campaign “รักเธอไม่มีหมด” ผ่าน 2 มุมมอง คือ การที่แบรนด์ลัคกี้มีความรัก ความเอาใจใส่ ต่อลูกค้า ควบคู่กับการพัฒนาบริการอย่างอย่างรอบด้าน และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เพื่อประสบการณ์การรับประทานอาหารที่มากกว่า ทั้งหมดเพื่อสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นให้ได้อีก 100% ภายในปี 2568 หรือปิดยอดขายที่ 2,000 ล้านบาท