ถึงเวลาชาวมิลเลนเนียลต้องกอดงานกันให้แน่น ๆ เพราะมีผลสำรวจจาก Chadix คาดการณ์ว่า ตำแหน่งงานประจำของชาวมิลเลนเนียลมีความเสี่ยงสูงสุดจากความสามารถที่เพิ่มขึ้นของ AI ในปี 2025 นี้
สำหรับผลสำรวจดังกล่าว ได้มาจากการสอบถามความคิดเห็นของผู้นำองค์กร, เจ้าของธุรกิจ และหัวหน้างานจำนวน 2,278 คน (เผยแพร่ผ่าน Forbes) โดยพบว่า ชาวมิลเลนเนียลเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุดจากการมาถึงของ AI หรือ 38% เนื่องจากตำแหน่งงานที่ชาวมิลเลนเนียลสวมบทบาทอยู่นั้น มักเป็นผู้บริหารระดับกลางขององค์กร ซึ่งผลการสำรวจชี้ว่า องค์กรต่าง ๆ ได้มีการลงทุนเพื่อนำ AI เข้ามาช่วยในการทำงานแล้ว และอาจทำให้บทบาทของการเป็นผู้บริหารระดับกลางลดน้อยลง
อย่างไรก็ดี เจเนอเรชั่นอื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบจาก AI เช่นกัน โดยผลสำรวจชี้ว่า
Gen Z (อายุ 12 – 27 ปี) มีความเสี่ยงประมาณ 25% โดยถือเป็นกลุ่มที่เสี่ยงสูงรองจาก Millennial ส่วนสาเหตุที่ทำให้อาชีพการงานมีความเสี่ยงเพราะ Gen Z มักเป็นกลุ่ม First Jobber ที่เพิ่งเริ่มทำงาน จึงมักได้รับมอบหมายให้ทำงานที่ไม่ยากนัก ซึ่งงานเหล่านี้สามารถถูก AI เข้ามาแทนที่ได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนั้น ชาว Gen Z ยังมีประสบการณ์ในการทำงานที่ไม่มากพอ เมื่อเทียบกับ Generation อื่น ๆ ด้วย
Gen X (อายุ 44 – 59 ปี) มีความเสี่ยง 20% โดยความเสี่ยงของ Gen X มาจากตำแหน่งงาน ซึ่งหากเป็น Gen X ที่รับตำแหน่งบริหาร จะพบว่า มีความเสี่ยงน้อยกว่า Gen X ที่ยังทำงานเป็นผู้บริหารระดับกลาง หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษ
ส่วน Baby Boomers (อายุ 60 – 78 ปี) พบว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดคือ 10% สาเหตุเพราะคนกลุ่ม Baby Boomers นั้น ส่วนใหญ่เป็นระดับผู้บริหารกันหมดแล้ว ซึ่งเป็นตำแหน่งงานที่ AI ยากจะเข้าไปทดแทนได้ หรือหากเป็นระดับผู้ปฏิบัติงานทั่วไปที่ใกล้จะเกษียณ ก็อาจไม่ใช่ตำแหน่งงานที่จะถูกหมายตาเป็นพิเศษนั่นเอง
ผู้ตอบแบบสำรวจยังระบุถึงสาขาอาชีพที่เสี่ยงต่อการถูกแทนที่ด้วย AI มากที่สุด เอาไว้ด้วย ดังนี้
- งานธุรการ (57.1%) เช่น การป้อนข้อมูลและการจัดตารางงาน อยู่ในอันดับต้น ๆ ของรายการ เนื่องจาก AI สามารถเข้ามาเปลี่ยนให้เป็นระบบอัตโนมัติได้
- ฝ่าย Customer Service (46.1%) เพราะปัจจุบัน บริษัทสามารถสร้างแชทบอท AI และผู้ช่วยเสมือนจริงเข้ามาแทนที่งานดังกล่าวได้มากขึ้น
- ฝ่ายการตลาด/ครีเอทีฟ (35.1%) เนื่องจากการสร้างเนื้อหาและการยิงโฆษณาสามารถใช้เครื่องมือที่มี AI เข้ามาช่วยได้มากขึ้น
- ฝ่ายเทคนิค (29.4%) เช่น การเขียนโค้ดพื้นฐาน การทดสอบโปรแกรม ตลอดจนฝ่ายซัพพอร์ตต่าง ๆ ที่พนักงานสามารถสอบถามจาก AI ได้ (ส่วนผู้เชี่ยวชาญระดับสูงยังคงเป็นที่ต้องการ)
- ฝ่ายบริหาร (15.4%) ผลสำรวจชี้ว่า แม้การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ยังคงเป็นเรื่องท้าทายในการทำให้เป็นระบบอัตโนมัติ แต่ AI จะมีอิทธิพลต่อเวิร์กโฟลว์ของการทำงานในองค์กรมากขึ้น
- อื่น ๆ (4.4%) เป็นของตำแหน่งงาน เช่น ฝ่ายประสานงานด้านโลจิสติกส์ การสรรหาบุคลากร และการตรวจสอบสัญญาทางกฎหมาย
Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand
เป็นเพื่อนกับเราได้ที่ LINE