0
บ้านผีเสื้อ จังหวัดเชียงใหม่ บ้านพักอาศัยแห่งแรกของโลกที่ ใช้พลังงาน Green Hydrogen ซึ่งเป็นโครงการที่บุกเบิ กการพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างยั่ งยืน และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของพลั งงานไฮโดรเจนในการสนับสนุนเป้ าหมายของประเทศไทยในการมุ่งสู่ ความเป็นกลางทางคาร์ บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุ ทธิเป็นศูนย์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี โครงการได้จัดการประชุม Hydrogen Summit 2025 เพื่อเป็นเวทีที่รวบรวมผู้ นำและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุ ตสาหกรรมไฮโดรเจนจากทั่วโลก มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และนำเสนอแนวทางในการส่งเสริ มเศรษฐกิจไฮโดรเจนทั้ งในประเทศไทยและในระดับนานาชาติ
ประเทศไทยมีข้อผูกพันในการบรรลุ เป้าหมายระยะยาวเพื่อเข้าสู่ ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 นอกจากนี้ สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ การเกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้ น และความเร่งด่วนในการรับมื อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้มีความจำเป็นในการสร้ างความยืดหยุ่นทางพลังงาน เนื่องจากหลายประเทศได้หันไปใช้ แหล่งพลังงานอื่น ๆ เพื่อ ลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล โครงการบ้านผีเสื้อได้พิสูจน์ถึ งแนวทางที่สามารถนำไปใช้ในระดั บบุคคล ชุมชน และประเทศในการใช้ประโยชน์ จากไฮโดรเจนเพื่อแก้ปัญหาสิ่ งแวดล้อมและบรรลุเป้าหมายการปล่ อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ พร้อมทั้งช่วยสร้ างความสามารถในการแข่งขั นทางเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย
บ้านผีเสื้อ เป็นโครงการที่ไม่เหมื อนใครในโลก โดยเป็นบ้านพักอาศัยบนพื้นที่ 18 ไร่ ที่พึ่งพาตนเอง 100% จากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยใช้เทคโนโลยีอิเล็ กโทรไลเซอร์ไฮโดรเจนที่ทันสมั ยในการแปลงน้ำเป็นไฮโดรเจน เพื่อผลิต จัดเก็บ และใช้ไฮโดรเจนเป็นพลังงาน วิธีการที่เป็นนวัตกรรมนี้ช่ วยให้บ้านสามารถผลิตพลั งงานเองได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องพึ่ งพาโครงข่ายไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังรักษาการปล่อยก๊าซเป็นศูนย์ และแสดงให้เห็นถึงโอกาสที่เป็ นไปได้ในการพัฒนาที่อยู่อาศั ยในประเทศไทยในอนาคต
“บ้านผีเสื้อ เป็นตัวอย่างที่เป็นรู ปธรรมของการบูรณาการเทคโนโลยี อย่างยั่งยืน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการอยู่ อาศัยที่มีคาร์บอนเป็นศูนย์อย่ างแท้จริง” นายเซบาสเตียน-ยุสตุส ชมิดท์ เจ้าของบ้านผีเสื้อและผู้ก่อตั้ ง Enapter กล่าวว่า “ด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และการเก็บไฮโดรเจน เราได้แสดงให้เห็นถึงโมเดลที่ สามารถมีส่วนสำคัญต่อเป้าหมายด้ านสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย”
บ้านผีเสื้อ เป็นศูนย์กลางของโครงการที่ก่ อตั้งขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน โดยมีบทบาทในการช่วยลดการใช้เชื้ อเพลิงฟอสซิล ด้วยการใช้แหล่งพลังงานหมุนเวี ยนธรรมชาติที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิ ษต่อสิ่งแวดล้อม นายชมิดต์กล่าวว่า “ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บ้านผีเสื้อได้ใช้พลังงานหมุ นเวียน 100% โดยไม่พึ่งพากระแสไฟฟ้า ซึ่งพิสูจน์ถึงการใช้งานได้จริ งและความยั่งยืนของบ้าน นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปส่ งผลให้แนวโน้มการใช้เชื้อเพลิ งฟอสซิล เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และไฮโดรเจนจะกลายเป็นส่วนสำคั ญของการเปลี่ยนผ่านทางพลั งงานในอนาคต”
โครงการบ้านผีเสื้อ สอดคล้องกับความมุ่งมั่ นของประเทศไทยในการบรรลุความเป็ นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ เป็นศูนย์ภายในปี 2065 คุณสมบัติหลักของบ้านผีเสื้อที่ มีส่วนสนับสนุนเป้าหมายเหล่านี้ ได้แก่:
- ระบบพลังงานไฮบริดพลั
งงานแสงอาทิตย์-ไฮโดรเจน: ระบบพลังงานแบบออฟกริดนี้ใช้ ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ อย่างเต็มที่ เพื่อนำมาขับเคลื่อนบ้านด้วยพลั งงานสะอาดตลอด 24 ชั่วโมง แม้ในช่วงที่ไม่มีแสงแดด ระบบนี้ช่วยให้มีการจ่ายพลั งงานอย่างต่อเนื่องและเสถียร โดยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิ ลและไม่ปล่อยคาร์บอน นอกจากนี้ บ้านผีเสื้อยังเป็นตัวอย่ างการใช้งานจริงในการบู รณาการเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวี ยนที่ทันสมัยสำหรับการอยู่อาศั ยอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กั บโครงการที่คล้ายกันในเอเชี ยตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลก
ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ไฮโดรเจนที่บ้านผีเสื้อ เป็นโซลูชันพลังงานที่เป็นนวั ตกรรม ซึ่งออกแบบมาเพื่อแสดงให้เห็นถึ งการใช้ชีวิตแบบออฟกริดได้อย่ างยั่งยืน โดยการบูรณาการแผงพลั งงานแสงอาทิตย์เข้ากับระบบเก็ บพลังงานแบบไฮโดรเจน เพื่อให้มีอิสรภาพด้านพลั งงานตลอดทั้งปี
ระบบนี้ประกอบด้วยแผงโซลาร์ เซลล์ขนาด 140 กิโลวัตต์ (kWp) ซึ่งผลิตกระแสไฟฟ้าในช่วงกลางวั นเพื่อใช้ในบ้ านและตอบสนองความต้องการพลั งงานในทันที ขณะที่พลังงานแสงอาทิตย์ส่วนเกิ นจะถูกนำมาผลิตไฮโดรเจนผ่านอิ เล็กโทรไลเซอร์ขนาด 20 kW ที่ทำการแยกน้ำออกเป็ นไฮโดรเจนและออกซิเจน ไฮโดรเจนจะถูกเก็บในรูปแบบก๊ าซที่แรงดัน 35 บาร์ ในถังจะเก็บไฮโดรเจนได้สูงสุด 42 กิโลกรัม ซึ่งสามารถจ่ายพลังงานให้กับบ้ านได้ประมาณ 600 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)
ในเวลากลางคืนหรือช่วงที่มี แสงแดดน้อย ไฮโดรเจนที่เก็บไว้จะถูกแปลงกลั บเป็นกระแสไฟฟ้าโดยใช้ระบบเซลล์ เชื้อเพลิงไฮโดรเจน (Fuel Cell) ขนาด 8 กิโลวัตต์ เมื่อไฮโดรเจนรวมกับออกซิเจน จะเป็นไฟฟ้ากับน้ำ ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้ อม ทำให้มั่นใจได้ว่ามีการใช้พลั งงานที่สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่ งแวดล้อมอย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ ระบบภายในบ้านผีเสื้อยังมี แบตเตอรี่ขนาด 384 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ซึ่งเมื่อทั้ง ไฮโดรเจนและแบตเตอรี่ใช้ร่วมกั นจะสามารถกักเก็บพลังงานเพื่ อใช้งานอย่างน้อย 7 วัน ในฤดูที่มีแดดน้อยและมี เมฆมากเป็นเวลานาน
- การออกแบบที่ประหยัดพลังงาน: บ้
านผีเสื้อ ใช้เทคนิคการทำความเย็นแบบพาสซี ฟ รวมถึงการประสานฉนวนที่ เหมาะสมและอุปกรณ์ที่ใช้พลั งงานต่ำที่สุด การออกแบบสถาปัตยกรรมแบบเปิดกว้ างช่วยให้ใช้ประโยชน์ จากแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ การก่อสร้างและโครงสร้างของบ้ านยังใช้วัสดุที่ยั่งยืนกว่าร้ อยละ 98 ที่มาจากในประเทศ เช่น บล็อกคอนกรีตอัดไอน้ำและหน้าต่ างชั้นคู่ที่มีฉนวน - ระบบการจัดการน้ำ:
ระบบการชลประทานที่ซับซ้อนของบ้ านนี้กักเก็บและบำบัดน้ำฝน เพื่อลดการพึ่งพาแหล่งน้ำ จากภายนอก โดยน้ำจะถูกนำไปใช้ ในการทำสวนและนาข้าว ซึ่งมีการปลูกพืชผักและผลไม้ท้ องถิ่นที่เติบโตตามฤดูกาล นอกจากนี้ยังช่วยลดความจำเป็ นในการใช้แหล่งอาหารจากภายนอกที่ มักมีการปล่อยมลพิษจากการขนส่ง ส่งเสริมความมั่นคงด้ านอาหารและลดปริมาณก๊าซเรื อนกระจกโดยรวมของครัวเรือน
บ้านผีเสื้อไม่เพียงแต่เป็นเครื่ องยืนยันถึงนวั ตกรรมทางเทคโนโลยี แต่ยังทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์ มการศึกษา ที่ช่วยเพิ่มความตระหนักเกี่ ยวกับการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน รวมถึงกระตุ้นการวิจัยและพั ฒนามากขึ้น ความสำเร็จอย่างต่อเนื่ องของโครงการนี้ทำให้ ประเทศไทยกลายเป็นผู้นำในภูมิ ภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในระดับโลกในการใช้โซลูชั นพลังงานสะอาดและสร้างอนาคตที่ ยั่งยืน