พนักงาน Starbucks ในสหรัฐอเมริกาเผย บริษัทติดตั้ง “ปุ่มฉุกเฉิน” หรือ Panic Button ให้เป็นกรณีพิเศษ เผื่อเจอลูกค้าหัวร้อน หรือแสดงอาการคุกคาม จะได้ล็อกประตูได้ทัน
การติดตั้งปุ่มฉุกเฉินดังกล่าวมีขึ้นหลังจากนโยบายใหม่ของ Starbucks ที่ระบุว่า ร้านจะกลับมาให้ความสำคัญกับลูกค้าก่อนเป็นลำดับแรก (หรือก็คือ ถ้าจะเข้ามาใช้บริการห้องน้ำ นั่งทำงาน ต้องซื้อสินค้าในร้านร่วมด้วย ไม่สามารถเข้ามาใช้ฟรี ๆ ได้อีกต่อไป)
- “Starbucks” หันโฟกัส “ลูกค้า” ปิดฉากแนวคิดเข้าร้านได้แม้ไม่จ่ายเงินของ Howard Schultz – Brand Buffet
โดยนโยบายดังกล่าวจะเริ่มใช้อย่างเป็นทางการในวันนี้ (27 มกราคม 2025)
ขณะที่ รายงานจาก Forbes ระบุว่า เพื่อช่วยพนักงานรับมือกับลูกค้าหัวร้อน การติดตั้งปุ่มฉุกเฉินเพื่อล็อกประตูร้าน ไม่ให้ลูกค้าที่มีกริยาอาการคุกคามเข้ามาในร้านจึงเกิดขึ้นตามมา และเมื่อกดปุ่มดังกล่าว จะมีการส่งแจ้งเตือนไปยังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ว่าทางร้านมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นด้วย
อย่างไรก็ดี สาขาที่สามารถใช้งานปุ่ม Panic Button ได้ในตอนนี้มีเพียง 5 สาขาเท่านั้น ซึ่งคาดว่าเป็นการทดสอบระบบในเบื้องต้น
นอกจากนี้ ทาง Starbucks ยังเปิดให้ร้านสาขาสามารถปิดรับออเดอร์จากแอปพลิเคชันได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้จัดการสาขาก่อน ซึ่งการปิดรับออเดอร์สามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีที่มีลูกค้าเข้ามามากเกินไปจนพนักงานไม่สามารถรับมือได้ทัน
ซีอีโอใหม่ รับผลตอบแทน 96 ล้านเหรียญ
นอกจากการปรับปรุงนโยบายเพื่อลดภาระงานของบาริสต้า Starbucks แล้ว อีกหนึ่งข่าวที่ฮือฮาไม่แพ้กันก็คือผลตอบแทนที่บริษัทจ่ายให้กับซีอีโอคนใหม่ Brian Niccol ที่สูงถึง 96 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (เข้าทำงานเป็นเวลา 4 เดือนเท่านั้น) และยังถือเป็นค่าตอบแทนที่สูงที่สุดในเวลานี้อีกด้วย โดยค่าตอบแทนที่ Niccol ได้รับนั้นมีตั้งแต่ค่าที่พักกว่า 143,000 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งประมาณครึ่งหนึ่งเป็นเงินที่จ่ายเกี่ยวกับภาษี
นอกจากนี้ Niccol ยังใช้เงินไปประมาณ 72,000 เหรียญสหรัฐฯ เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง (ด้วยเครื่องบิน) ระหว่างบ้านของเขาทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนียไปยังซีแอตเทิล และใช้เงินอีกประมาณ 19,000 เหรียญสหรัฐฯ ในการใช้เครื่องบินของบริษัทเพื่อธุระส่วนตัวอื่น ๆ ด้วย