HomeBrand Move !!เปลี่ยนนโยบาย “Starbucks” หันโฟกัส “ลูกค้า” คาดปิดฉากแนวคิดเข้าร้านได้แม้ไม่จ่ายเงินของ Howard Schultz

เปลี่ยนนโยบาย “Starbucks” หันโฟกัส “ลูกค้า” คาดปิดฉากแนวคิดเข้าร้านได้แม้ไม่จ่ายเงินของ Howard Schultz

แชร์ :

จากที่เคยมีนโยบายให้ผู้บริโภคสามารถเข้ามาใช้บริการในร้านได้ แม้จะไม่ได้ซื้อสินค้าอะไรติดไม้ติดมือสักชิ้นก็ตาม ตอนนี้ดูเหมือนว่า ร้านกาแฟแบรนด์ดังอย่าง Starbucks จะได้ฤกษ์เปลี่ยนนโยบายใหม่แล้ว นั่นคือ การหันมาให้ความสำคัญกับ “คนที่จ่ายเงิน” หรือก็คือลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง และอาจมีการเชิญคนที่ไม่ได้เป็นลูกค้าออกจากร้าน หากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมด้วย

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

Jaci Anderson ตัวแทนฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Starbucks อธิบายว่า การเปลี่ยนนโยบายครั้งนี้มีขึ้นเพื่อให้ร้าน Starbucks ยังเป็นสถานที่ที่สร้างประสบการณ์ดี ๆ ให้กับลูกค้า โดยพฤติกรรมที่อาจเป็นการละเมิด หรือทำให้บรรยากาศภายในร้านไม่ดี (ซึ่งพนักงานสามารถเชิญออกจากร้านได้) เช่น การล่วงละเมิด การคุกคาม การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่นำเข้ามาจากภายนอก การสูบบุหรี่ – บุหรี่ไฟฟ้า การใช้ยาเสพติด และการขอทาน เป็นต้น

สำหรับกฎใหม่ดังกล่าว จะมีผลตั้งแต่วันที่ 27 มกราคมเป็นต้นไป โดยทาง Starbucks มองว่า การกำหนดความคาดหวังที่ชัดเจนว่า พฤติกรรมแบบไหน และการใช้พื้นที่ในร้านแบบไหน เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ จะทำให้สภาพแวดล้อมของร้านดีขึ้น

นอกจากนี้ Starbucks ยังระบุด้วยว่า บริษัทได้ฝึกอบรมพนักงานในการจัดการกับสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม รวมถึงอาจมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ทางกฎหมายด้วย (ในกรณีที่เกิดความรุนแรง)

สำหรับการเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวเกิดขึ้นในยุคของ Brian Niccol ซีอีโอคนใหม่ที่ย้ายมาจากค่าย Chipotle ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแนวทางของซีอีโอคนเดิมอย่าง Howard Schultz ที่เคยตั้งไว้เมื่อปี 2018 ชนิด 180 องศาเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี นโยบายใหม่ของ Brian Niccol ที่อยากให้ Starbucks กลับมาโฟกัสที่ลูกค้า และการสร้างบรรยากาศในร้านให้ดีมากขึ้นนั้น ถูกมองว่าจะเป็นผลดีต่อบริษัท เพราะน่าจะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านได้ อีกทั้งยังช่วยลดความแออัดภายในร้านลงได้ด้วย

ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในช่วงที่ผ่านมา ความแออัดของร้านที่เปิดรับคนเข้ามานั่ง – เข้าห้องน้ำได้ตลอดแม้ไม่ซื้อเครื่องดื่ม  ทำให้ลูกค้าส่วนหนึ่งเปลี่ยนไปสั่งกาแฟผ่านแอปพลิเคชัน จนทำให้พนักงานต้องทำงานหนักขึ้น และนำไปสู่ปัญหาอีกมากมายหลายประการที่ Starbucks ต้องแบกรับ และกลายเป็นค่าใช้จ่ายมหาศาลนั่นเอง (รวมถึงบริการ Drive-Thru ที่มีหางแถวยาวขึ้นด้วยนะ)

Source

Source

Source

Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand

เป็นเพื่อนกับเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like